พระสมเด็จกรุหนองปลิง.

น้ำ......เป็น ธาตุประจำตัว ซึ่งทางโหราศาสตร์จะนำมาเป็น ฐานข้อมูลในการลิขิตวิถีชีวิต...!!

และ......น้ำก็เป็นทรัพยากรธรรมชาติอันมีอิทธิพลต่อการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตต่างๆ เมื่อ ขาดความสมดุลก็จะเกิดปัญหา และผลกระทบได้ ส่วนจะมากน้อยหรือรุนแรงขนาดไหน....นั้นก็แล้วแต่...!!!

@ @ @

ครั้งหนึ่งในพุทธกาล....ได้เกิดการขาดแคลนน้ำ ซึ่งต้องเผชิญกับภัยแล้งอย่างรุนแรง กษัตริย์ในตระกูลศากยวงศ์กับโกลิยวงศ์ อันเป็น วงศ์พระญาติเหล่าของฝ่ายบิดาและมารดาของพระพุทธเจ้า ได้แย่งชิงทรัพยากรน้ำ จากแม่น้ำโรหิณี.......จน เกือบจะลุกลามเป็นศึกสงคราม

พระพุทธองค์...... ทรงทราบด้วยฌานจึงเสด็จฯไปห้าม แล้วให้สติถึงว่า อะไรมันสำคัญกว่ากัน ระหว่างการที่ต้องมารบด้วยสาเหตุเพียงแย่งน้ำเข้านากับความเป็นพี่เป็นน้อง.....

จึงทำให้ทั้งสองฝ่าย ฉุกคิดแล้วยุติการทะเลาะวิวาทแล้วหันมาให้ความรักและเอื้ออาทรกันอย่างเดิม สาเหตุจากครั้งนั้น จึงได้เกิด....พระพุทธปางห้ามญาติ...!!!!

@ @ @

ล่วงถึงยามนี้......ยุคกึ่งพุทธกาล ความเปลี่ยน แปลงของโลกทำให้ทรัพยากรน้ำเหลือเฟือบ่าไหลล้นทุ่งสร้างความเสียหายไปหลายจังหวัด ซึ่ง นอกจากปัญหาความแตกแยกจนเป็นสงครามน้ำลาย ด้วยกล่าวหาว่าทำไมไหลนองเฉพาะตรงนี้พื้นที่ตรงนู้นกลับแห้งเหือดแล้ว

กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยัง เป็นจุดร่วมทุกข์ ต่อภาวะการขาดแคลนปัจจัยอันมีความจำเป็นต่อการยังชีพ ทั้งที่อยู่อาศัย อาหาร ยารักษาโรค...... ฯลฯ

แม้ยามนี้จะ ไม่มีปางห้ามญาติอันเป็นสัญลักษณ์ ก็พอจะมีปางอื่นที่พอจะช่วยบรรเทาสุขภาพจิตให้คลายลงได้บ้างจากหนักเป็นเบา ด้วย เมตตาบารมีแห่งสงฆ์อันเป็นสาวกของพระพุทธองค์...!!!

@ @ @

พระธรรมรัตนดิลก “เชิด จิตตคุตโต” คณะ 1 วัดสุทัศน์ กทม. เจ้าคณะภาค 4 ซึ่งปกครองสงฆ์ในจังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ได้ตระหนักถึงความลำบากทั้งกายและใจด้วยผลพวงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในยามนี้ จึงจัดกิจกรรมนำปัจจัยไปช่วยเหลือเพื่อบรรเทาแล้วกว่า 200 วัด ......ด้วย เมตตาพลังจากศิษยานุศิษย์และพุทธศาส-นิกชนผู้ศรัทธา

การร่วมปัจจัยบริจาคช่วยอุทกภัยครั้งนี้....เจ้าคุณเชิดได้ตอบศรัทธาด้วยสมเด็จพระกรุวัดหนองปลิง ซึ่งเปิดกรุเมื่อปี 2548 โดย หลวงพ่อกวยวัดบ้านแค เป็นผู้ สร้าง พร้อมทั้งนำเข้าพิธีกรรมอย่างครบถ้วนตามตำรา และได้ มอบให้หลวงพ่อเสน่ห์อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองปลิง มาฝังใต้ฐานชุกชีวัดหนองปลิง อำเภอเมืองนครสวรรค์ เมื่อปี 2509

@ @ @

วัดบ้านแค.....เป็นวัดเก่าแก่นานกว่า 100 ปี เดิมเรียกว่า วัดขวิด เนื่องจากอยู่ในป่าดงมะขวิด ต่อมาจึงเรียกว่า วัดแค ตามชื่อเจ้าพ่อปู่แค ศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน แล้วจึงได้เปลี่ยนเป็น โฆสิตาราม เพื่อระลึกถึงเกียรติคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

หลวงพ่อกวย เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2448 ณ หมู่บ้านแค ตำบลบางขุด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ช่วงวัยเด็กเรียนหนังสือกับหลวงปู่ขวด กระทั่งแตกฉานทั้งหนังสือไทยและหนังสือขอม และ สมัครเป็นศิษย์หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า

พออายุครบบวชจึง เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ณ พัทธสีมาวัดโบสถ์ ตำบลโพธิ์งาม อำเภอเดียวกัน ได้ฉายา “ชุตินธโร” แต่ก็มาจำพรรษาที่ วัดบ้านแค โดยเป็น พระนักเทศน์ซึ่งแหล่ได้ไพเราะมาก เป็นที่เลื่องลือในยุคนั้น...!!!

@ @ @

หลวงพ่อกวย....เป็นผู้ร้อนวิชา จึงไม่อยู่เป็นที่ เมื่อพ้นนวกะจึงย้ายไป วัดวังขรณ์ สิงห์บุรี เพื่อเรียนนักธรรม ต่อมาได้เปลี่ยนไป สนใจด้านวิปัสสนา คาถาอาคมและการแพทย์แผนโบราณ

จึงไปเรียนวิปัสสนา กับกฤตยาคมลงยันต์เสริมดวงชะตาจากหลวงพ่อศรี วิริยะโสภิต วัดพระปรางค์ อำเภอบางระจัน จนจบครบ ถ้วนกระบวนการแล้วจึงธุดงค์ต่อไปเรียนวิชากับเกจิอาจารย์อีกหลายท่าน

แล้ว......มาฝากตัว เป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม ที่วัดหนองโพ เรียนวิชาทำตะกรุด มีดหมอ และอาคมในด้านต่างๆ ศิษย์ร่วมสำนักในตอนนั้นคือ หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู อำเภอบรรพตพิสัย จากนั้นก็ยังธุดงค์ต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งปี 2491 จึงติดนิมนต์ให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดโฆสิตาราม

@ @ @

หลวงพ่อกวย....เปี่ยมด้วยเมตตาช่วยเหลือชาวบ้านโดยการแพทย์แผนโบราณ และสักยันต์ให้กับลูกศิษย์เป็นหมื่นๆคน กล่าวกันว่าเป็นที่รู้กัน ถ้า วัดบ้านแคจัดงานเมื่อใดจะไม่มีคนเกเรหรือมีเรื่องราวเด็ดขาด ด้วยกลัววาจาของหลวงพ่อกวย

แต่....ก็มีบ้างกับลูกศิษย์บางคนประ- พฤติตนไม่ดีถือตนว่าหนังเหนียว อยู่ยง คงกระพัน จึงเลิกอนุเคราะห์ในการสักยันต์แล้วหันมาสร้างวัตถุมงคลอื่นๆแทน และด้วยบุญญาภินิหาร วัตถุมงคลต่างๆที่หลวงพ่อกวยสร้างขึ้นจึงมีอิทธิฤทธิ์มาก

หลวงพ่อกวยละสังขารเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2522 ด้วยความอัศจรรย์ได้เขียนวันและเวลาด้วยหมึกสีแดงไว้ล่วงหน้าในปฏิทิน พอถึงวันนั้นก็มรณภาพตามที่กำหนดไว้ ซึ่งในวันที่ 11 ถึง 12 เมษายน วัดโฆสิตารามจะจัดทำบุญและไหว้ครูอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกๆปี

@ @ @

ซึ่งปีนี้ (2 พ.ย.)...ถือว่าครบ 106 ปี หลวงพ่อกวย ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ ซึ่งถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งลุ่มเจ้าพระยา ที่เปี่ยมด้วยเมตตาบารมี ประกอบกับวัดต่างๆที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของหลวงพ่อกวยเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ได้ประสบกับภัยธรรมชาติ......จึงนำวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างกับมือมาจ่ายแจกแก่ผู้มีจิตกุศลเป็นผลบุญ

ส่งพลังให้....ผู้ประสบภัยได้หลุดพ้นจากห้วงทุกข์ ด้วยแรงศักดิ์สิทธิ์แห่งบุญญาภินิหาร...!!!

ก้อง กังฟู