ผอ.สำนักพุทธฯระบุกรณี "พระเกษม" คณะสงฆ์ถือเป็นที่สุดแล้ว คือทำผิดพระธรรมวินัย แม้ไม่รุนแรงแต่ทำลายศรัทธา แถมยังผิดข้อบัญญัติกรมป่าไม้ เผยติดประกาศคำสั่งสึกให้ทราบแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับคำสั่ง ขู่พ้นกำหนด 5 ต.ค.นี้ จะให้ จนท.จับสึก...

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีพระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าสำนักสงฆ์สามแยก อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ว่า ในส่วนการดำเนินการของคณะสงฆ์ ถือว่าเป็นที่สุดแล้ว เนื่องจากพระเกษมได้กระทำผิดพระธรรมวินัย ถึงแม้ว่าจะเป็นความผิดที่ไม่รุนแรง แต่เป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาของประชาชน ลบหลู่ ท้าทายอำนาจของคณะสงฆ์ เจ้าคณะผู้ปกครอง ที่สำคัญพระเกษมบวชที่ จ.อุดรธานี ตั้ง แต่ปี 2529 แต่ไม่เคยจำพรรษาที่จังหวัดดังกล่าวเลย ทางเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี จึงประกาศตัดขาดจากคณะสงฆ์ จ.อุดรธานี นอกจากนี้ ยังได้กระทำผิดข้อบัญญัติของกรมป่าไม้ โดยไม่ทำตามเงื่อนไขที่ได้ตกลง ใช้พื้นที่เกินจากข้อตกลงที่กำหนด กรมป่าไม้จึงดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต

ขณะนี้ได้นำคำสั่งสึกของเจ้าคณะผู้ปกครองไปแจ้งพระเกษมแล้วเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่พระเกษมไม่ออกมารับคำสั่งดังกล่าว จึงใช้การติดประกาศแทน โดยตามคำสั่งดังกล่าว กำหนดให้พระเกษมจะต้องทำตามคำสั่งภายใน 3 วัน โดยจะครบ 3 วัน ในวันที่ 5 ต.ค. 2554 และหากครบ 3 วัน พระเกษมไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง จะมอบอำนาจให้ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองสามารถดำเนินการในลักษณะของการจับสึกได้ทันที เพราะขณะนี้พระเกษมถูกตัดขาดจากคณะสงฆ์แล้ว จึงไม่มีสิทธิแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ จะนุ่งสีอะไรก็ได้ แต่ห้ามห่มจีวรสีเดียวกับพระสงฆ์

ด้านพระพรหมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเจ้าคณะภาค 4, 5, 6 และ 7 กล่าวว่า พระสงฆ์ที่ไม่อยู่ในระเบียบวินัยมักจะชอบอ้างว่าทำตามพระไตรปิฎก แต่ไม่ว่าจะเป็นการกระทำใดๆ ก็ตามหากเป็นการกระทำที่เป็น “โลกวัชชะ” หรือโลกติเตียน และมีการกระทำบ่อยๆ ก็ควรที่จะพิจารณาตัวเอง เพราะถือว่าไม่เคารพกติกาสังคม ทำอะไรตามชอบใจ ซึ่งคนที่เป็นพระสงฆ์ต้องรู้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ อะไรควรหรือไม่ควร แต่กิริยาที่พระเกษมแสดงออกมาแสดงให้เห็นว่า ไม่รู้จักสมณสารูป การเป็นพระต้องเรียบร้อย ไม่กล่าวร้ายใคร ต้องอยู่ในศีล 227 ข้อ คำว่าศีล แปลว่า ปกติ แต่สิ่งที่พระเกษมทำ เรียกว่า ไม่ปกติ อยากจะพูดผ่านสื่อถึงพระเกษมว่า ขณะนี้บ้านเมืองประชาชนชาวพุทธต่างมีปัญหาเดือดร้อนเรื่องน้ำท่วม ชาวบ้านมีทุกข์จากภัยธรรมชาติอยู่แล้ว ทำไมต้องมาให้ชาวบ้านมาทุกข์ใจกับเรื่องพระสงฆ์

พระพรหมเมธี กล่าวต่อว่า รู้สึกเสียใจกับการกระทำของพระเกษม และรู้สึกเสียดาย คุณค่าความเป็นคน ความเป็นมนุษย์ของพระเกษมที่บวชมานานน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดี แต่กลับไม่ใส่ใจ แสดงกิริยาไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวยังคิดว่า พระเกษมเป็นพระที่ดี แต่ไม่รู้ว่าอะไรมาดลจิตดลใจ ให้ท่านทำอากัปกิริยาเหมือนคนที่พิกลทางกาย และพิกลทางใจ น่าสงสารเหมือนกัน อาตมาเคยคิดอยากไปเจอกับพระเกษม อยากจะไปคุยให้ท่านเห็นทางสว่าง ไม่หลงอยู่กับทางมืด หากก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกัน ปัญหาคงไม่จบเช่นนี้ และอยากให้พระเกษมยอมที่จะเข้าไปเจรจากับเจ้าคณะผู้ปกครอง เพื่อที่ปัญหาต่างๆ จะได้คลี่คลาย