คืบหน้าคดีหลอกซื้อทองคำแท่งสูญเงินกว่า 2 ล้าน ธนาคารแจงผู้เสียหาย ไม่ทราบรายละเอียดขั้นตอนการโอนเงินด้วยเช็ค เป็นโอกาสทำให้คนร้ายลงมือง่าย วินจยย.รับของ ปัด ไม่รู้ข้างมีทอง120บ. ระบุ ถูกจ้างมาอีกที
วันที่ 11 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นางสาวรพี ผาสุก อายุ 68 ปี เจ้าของร้านทองพรพรรณ ในตลาด เทศบาลโพธาราม ที่ถูกสาวอ้างเป็นลูกค้าโทรศัพท์มาสั่งซื้อทองคำแท่ง น้ำหนัก 120 บาท กันในราคา 2,250,000 บาท และลูกค้าใช้วิธีจ่ายเงินโดยการโอนเงินผ่านธนาคารแห่งหนึ่ง และทางธนาคารได้ส่งข้อความเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือว่ามีเงินเข้าบัญชีของนางสาวรพีแล้ว เมื่อนำสมุดบัญชีไปปรับก็พบว่ามียอดเงินเข้ามาจริง จึงได้แจ้งลูกค้าคนดังกล่าวให้มารับทองคำแท่งไป จนกระทั่งทางธนาคารได้แจ้งว่าเช็คที่เข้าบัญชีถูกอายัด จึงรู้ว่าถูกหลอก
พ.ต.อ.อนุรักษ์ พรพุทธศรี ผกก.สภ.โพธาราม ได้สั่งการให้ ร.ต.ท.ไพศาล ชูสิทธิสกุล ร้อยเวรเจ้าของคดี พร้อมกับนางสาวรพี ผาสุก ผู้เสียหายเดินทางไปขอรายละเอียดเพิ่มเติมจากธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาบางขุนนนท์ ที่คนร้ายนำเช็คไปเข้าไว้ เพื่อจะได้ติดตามหาข้อมูลของคนร้ายด้วย ส่วนความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า จากที่ดูภาพในกล้องวงจรปิดของร้านก็พบว่า ผู้ที่มารับทองคำแท่งไปนั้น เป็นคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างในเขตเทศบาลเมืองโพธาราม จึงได้ไปเชิญตัวมาสอบปากคำ ได้ให้การว่าเป็นคนที่รับของจากร้านทองดังกล่าวจริง เพราะมีผู้ว่าจ้างซึ่งเป็นหญิงสวมชุดสีขาวคล้ายกับพยาบาล มีผ้าปิดจมูก เดินออกมาจากโรงพยาบาลโพธาราม มาว่าจ้างให้ไปรับของชำร่วยที่ร้านทองดังกล่าว โดยให้ค่าจ้างจำนวน 60 บาท ตนก็ไปรับมาให้ โดยไม่ทราบว่าห่อของที่มารับนั้นเป็นทองคำแท่ง ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำประวัติก่อนจะปล่อยตัวไป
ส่วน SMS หรือข้อความที่ทางธนาคารส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของผู้เสียหายนั้น ได้สอบถามไปยัง ผจก.ธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาโพธารามแล้ว บอกว่า การแจ้ง SMS ให้กับลูกค้านั้นเป็นบริการที่ลูกค้าสมัครไว้กับทางธนาคาร ซึ่งถ้าบัญชีมีการเคลื่อนไหวก็จะแจ้งให้ทราบ ส่วนการที่ผู้เสียหายนำสมุดไปปรับแล้วพบว่ามียอดเงินเข้าจริง แต่ผู้เสียหายไม่ได้ดูรหัสโค้ช ซึ่งจะระบุว่ามีการธุรกรรมแบบใดกับธนาคาร แต่ในส่วนของผู้เสียหายนั้นมีรหัสโค้ช ว่า NL ซึ่งเป็นการฝากเช็คต่างสาขา ต้องรอเคลียร์ริ่งเช็คก่อน หรือฝากโดยเช็ค แม้ว่าจะมียอดเงินเข้ามาแต่ยังไม่สามารถเบิกได้ ผู้เสียหายไม่ได้ดูตรงนี้ เป็นช่องว่างที่ทำให้มีผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทำให้ปล่อยของออกไปให้ลูกค้า จนเกิดความเสียหายขึ้น เชื่อว่าคนร้ายรายนี้น่าจะทำกันเป็นขบวนการ
