วันนี้ มีข่าวหมวดศิลปวัฒนธรรมที่ช็อกความรู้สึกและความรู้ของคนเสพข่าวทั่วโลก นั่นคือ ข่าวที่อ้างว่าทางซานริโอออกมาเปิดเผยว่า แท้จริงแล้ว ตัวการ์ตูนดังอย่าง "เฮลโล คิตตี้" ไม่ได้เป็น "แมว"
อย่างไรก็ตาม ต่อมา ไบรอัน แอชคราฟท์ แห่งเว็บไซต์ Kotaku.com ได้เขียนบทความชื่อ "อย่างี่เง่าไปหน่อยเลยน่า เฮลโล คิตตี้ มันก็เป็นแมวนั่นแหละ" (Don′t be Silly, Hello Kitty is a Cat) เพื่อตอบโต้กระแสข่าวที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันนี้
โดยแอชคราฟท์ ระบุว่า ทางซานริโอได้ชี้แจงกับ Kotaku.com ว่า เฮลโล คิตตี้ ยังมีสถานะเป็นแมว เพียงแต่เธอเป็นแมวที่ถูกสร้างให้มีบุคลิกประหนึ่งมนุษย์
ทั้งนี้ ข่าวที่ออกมาเปิดเผยว่า เฮลโล คิตตี้ ไม่ใช่แมวนั้น มีจุดกำเนิดมาจากบทความในแอลเอ ไทม์ส ที่เขียนเกี่ยวกับนิทรรศการจัดแสดงว่าด้วยตัวการ์ตูนรายนี้ ซึ่งจะจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติญี่ปุ่น-อเมริกัน โดยบทความดังกล่าว อ้างคำชี้แจงของคริสติน ยาโนะ นักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาวายอิ ซึ่งรับหน้าที่เขียนข้อมูลประกอบนิทรรศการ ที่ระบุว่า ระหว่างขั้นตอนของการจัดทำข้อมูลนั้น ทางซานริโอได้ประสานมายังเธอ เพื่อขอแก้ไขข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจุดหนึ่ง นั่นคือ ข้อมูลที่ระบุว่าเฮลโล คิตตี้ เป็นแมว
"เฮลโล คิตตี้ ไม่ใช่แมว เธอเป็นตัวการ์ตูน เธอเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆ เธอเป็นเพื่อนของเรา แต่เธอไม่ใช่แมว เธอไม่เคยยืนสี่ขา เธอเดินและนั่งเหมือนสิ่งมีชีวิต 2 ขาทั่วไป นอกจากนี้ เธอยังมีสัตว์เลี้ยงที่เป็นแมว มันมีชื่อว่า ชาร์มมี่ คิตตี้" ข้อมูลของยาโนะที่ผ่านการแก้ไขโดยซานริโอระบุ
จากข่าวคราวที่เกิดขึ้น แอชคราฟท์ และ Kotaku.com จึงได้ตัดสินใจโทรศัพท์ไปยังสำนักงานใหญ่ของซานริโอ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อสอบถามคำถามสำคัญว่า ตกลงแล้ว เฮลโล คิตตี้ เป็นแมวหรือไม่?
ซึ่งทางโฆษกของบริษัทดังได้อธิบายว่า "เฮลโล คิตตี้ ถูกสร้างขึ้นมาให้มีลักษณะเป็นแมว มันจึงเป็นเรื่องเกินเลยไป หากจะพูดว่า เฮลโล คิตตี้ ไม่ใช่แมว แต่อาจบอกได้ว่า เฮลโล คิตตี้ คือแมว ที่ถูกประกอบสร้างให้มีความเป็นมนุษย์มากกว่า"
โดยคำสำคัญที่โฆษกของซานริโอใช้อธิบายกระบวนการสร้างความเป็นมนุษย์ให้แก่เฮลโลคิตตี้ ก็อาจแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "บุคลาธิษฐาน" (คือ กระบวนการสร้างให้สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ มีลักษณะกลายเป็นมนุษย์ขึ้นมา) ขณะที่ทาง Kotaku.com ใช้คำในภาษาอังกฤษอย่าง anthropomorphization หรือ personification มาอธิบายกระบวนการดังกล่าว
ทั้งนี้ แอชคราฟท์ได้ถามย้ำอีกหนว่า "ฉะนั้น มันจะเป็นการเกินเลยไปกันใหญ่ใช่หรือไม่ ถ้าเราพูดว่า เฮลโล คิตตี้ ไม่ใช่แมว?"
ซึ่งทางโฆษกของซานริโอก็ตอบกลับมาว่า "แน่นอน เรื่องราวมันจะเกินเลยไปกันใหญ่"
ในบทความของเขา แอชคราฟท์อธิบายเปรียบเทียบสถานะของเฮลโล คิตตี้ เข้ากับตัวการ์ตูนดังของฝั่งอเมริกัน อย่างมิคกี้ เม้าส์ รวมถึงการ์ตูนดัง "ทอม แอนด์ เจอร์รี่" กล่าวคือ เฮลโล คิตตี้ นั้นไม่ได้มี "ความเป็นแมว" ที่มีบุคลิกท่าทางเป็นแมวจริงๆ อย่างทอม ส่วนมิคกี้ เมาส์ ก็ไม่ได้มี "ความเป็นหนู" ที่มีบุคลิกท่าทางเป็นหนูจริงๆ อย่างเจอร์รี่ เพราะมิคกี้ สามารถขับรถได้ สามารถประกอบอาชีพต่างๆ นานา เขามีสัตว์เลี้ยงเป็นหมาชื่อพลูโต
ทว่าท้ายที่สุด มิคกี้ เม้าส์ ก็ยังมีรูปร่างลักษณะเป็นหนู เหมือนกับที่เฮลโล คิตตี้ ยังคงมีรูปร่างลักษณะเป็นแมว
นอกจากนี้ แอชคราฟท์ยังย้อนกลับไปพิจารณาข้อเขียนของยาโนะ และตั้งข้อสังเกตว่านักมานุษยวิทยาผู้นี้ไม่เคยระบุออกมาชัดๆ เลยว่า เฮลโล คิตตี้ เป็นมนุษย์ (human) เธอเพียงแต่ชี้ว่า เฮลโล คิตตี้ นั้นเป็นเด็กสาว (girl) ขณะเดียวกัน ประวัติอย่างเป็นทางการของตัวการ์ตูนรายนี้ ก็ไม่เคยถูกเขียนว่า เฮลโล คิตตี้ เป็นมนุษย์ มิหนำซ้ำ เว็บไซต์ซานริโอเอง ก็ยังจัดเฮลโล คิตตี้ ไปอยู่ในเพจของตัวละครที่เรียกว่า "เนโกะ" ซึ่งแปลว่า "แมว" ในภาษาญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องปกติ ที่คนรักแมวในประเทศญี่ปุ่น จะเรียกแมวของตนเองว่า "สาวน้อย" (girl) หรือ "หนุ่มน้อย" (boy) ซึ่งวิธีการเรียกสัตว์เลี้ยงเช่นนั้น จะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้พวกมันมีสถานะที่เป็นมากกว่าสัตว์เลี้ยง กระทั่งสามารถกลายเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของครอบครัวมนุษย์ได้อย่างแนบสนิทยิ่งขึ้น
แอชคราฟท์ชี้ให้เห็นว่าดังนั้น ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงเข้าใจกันดีว่า เฮลโล คิตตี้ นั้นเป็นตัวละครที่มีรูปร่างลักษณะเป็นแมว แต่แน่นอนว่าไม่มีใครหลงคิดไปว่าตัวการ์ตูนดังกล่าวเป็น "แมวจริงๆ" เพราะทุกคนรู้ว่าตัวการ์ตูนรายนี้เป็นสัตว์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีบุคลิกเหมือนมนุษย์ เช่นเดียวกับที่มิคกี้ เม้าส์ ไม่ได้เป็น "หนูจริงๆ"
และถึงที่สุดแล้ว ตัวละครทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่ต้องการมีสถานะของความเป็น "แมวจริงๆ" หรือ "หนูจริงๆ" แต่อย่างใด เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นตัวการ์ตูนนั่นเอง
