ถึงจะเลิกรากันไปนานพอสมควรแล้ว แต่ภาระค่าใช้จ่ายเรื่องบ้านและค่าเลี้ยงดูลูกยังมีอยู่ ทำเอา บ๊วย-เชษฐวุฒิวัชรคุณ เริ่มรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ได้ยกบ้านให้อดีตภรรยาตุ๊ก-ชนกวนันท์รักชีพ ผ่อนอดีตเรือนหอราคา 20 กว่าล้านต่อคนเดียวงานนี้หนุ่มบ๊วยเลยถูกมองว่าไม่ค่อยจะแมนสักเท่าไหร่ เมื่อได้เจอบ๊วยในงานเปิดตัวสปอร์ตคอมเพลกซ์เบสท์มินตัน สแควร์ ที่ย่านศรีนคริทร์ 46เลยต้องให้หนุ่มบ๊วยออกมาเปิดใจเรื่องนี้ บ๊วยเผยว่า เรื่องบ้านจะเรียกว่าตุ๊กผ่อนต่อก็ได้ครับคือตุ๊กตัดสินใจที่จะเอาบ้านไว้เพราะตามที่เราตกลงคุยกันตั้งแต่แรกคือขายแต่ถ้าไม่เอาชื่อเราสองคนออกเลยก็เอาชื่อบ๊วยออกไปเหมือนบริษัทที่ทำธุรกิจด้วยกัน แล้วตกลงไม่ทำธุรกิจด้วยกันแล้วแยกออกไปฉะนั้นบริษัทก็ต้องขายพอขายเสร็จแล้วมีหุ้นส่วนหนึ่งตัดสินใจเอาบริษัทเข้ามาขอซื้อบริษัทเอง ก็ต้องรับผิดชอบไปก็ตามนั้นครับปกติ ที่คนมองว่าเราโยนภาระให้ตุ๊กจริง ๆ คือเขาตัดสินใจแบบนั้นเราก็เตือนเขามานานแล้วแต่เขาก็จะบอกว่าเพื่อลูกก็ยินดีลองมอง 2 มุมมองสิครับหุ้นส่วนที่แยกออกมาที่ไม่เอาบ้านไว้เขารู้ว่าทุ่มแล้วเป็นยังไงช่วง 2ปีที่ผ่านมาเป็นยังไงชีวิตโดนโทรทวงหนี้ต้องจ่ายดอกเบี้ย ไม่ได้จ่ายต้นเป็นยังไง ส่วนเรื่องค่าเลี้ยงดูคือตุ๊กเขาเอาบ้านไว้เอง ซึ่งบ้านมีส่วนของผมครึ่งหนึ่งเป็นก้อนใหญ่พอสมควรเลยมันอยู่ในบ้านหลังนั้นไปแล้วทีนี้ในเมื่อแยกกันแล้วมันก็เหมือนเราให้เงินตรงนั้นล่วงหน้าไปผมมีเงินก้อนในนั้น 11ล้าน แต่เราไม่ได้เอาเงินคืนแต่ความสัมพันธ์เราไม่ได้ตัดขาดอะไรขนาดนั้น“ “ที่คนก็มองว่าไม่แมนคือเราแก้ทุกอย่างไม่ได้เรารู้ว่าเราชัดเจนยังไงผมมั่นใจว่าผมรักลูกเวลาผมว่างก็ไปหาลูกสิ่งที่ผมยังต้องจ่ายอยู่คือค่าเทอมลูกค่าประกันลูกเวลาเจ็บป่วยผมก็จ่ายครับจะให้ผมมานั่งแจกแจงว่าจ่ายอะไรบ้างมันมีมากกว่านี้อีก แต่ผมไม่พูดดีกว่าผมได้ได้รู้สึกแย่ผมเปลี่ยนไปแล้วครับ จริงๆผมเก็ตว่าผมเป็นคนอย่างไรอนาคตมีให้ผมพุ่งไปอีกเยอะผมไม่มานั่งแก้ปัญหาอดีตที่ผ่านมามันจบไปแล้ว เราเริ่มต้นยังไงดีเป็นเพื่อนยังไงให้ลูกมีความสุขใครจะมองยังไงก็ได้ เราเคยมองว่าจะซ่อมแซมลูกยังไง คิดว่าลูกมีปัญหาแน่เลยเพราะหย่าร้างแต่เราก็คิดว่าจริงๆแล้วคนที่มีปัญหาไม่ใช่ลูก2 คนแต่ตัวพ่อนี่แหละที่คิดว่าลูกมีปัญหาไงฉะนั้นผมมองว่าลูกยอดเยี่ยมอยู่แล้วผมก็ปฏิบัติกับเขาเป็นเด็กธรรมดาแค่พ่อแม่แยกกันอยู่เท่านั้นเองครับ”
