อย.เตือนอย่าหลงเชื่อโฆษณายาทำแท้งทางเน็ต อวดอ้างสรรพคุณยาเกินจริง โดยเฉพาะยาไซโตเท็คอาร์ยู 486 เป็นยาควบคุมพิเศษที่ให้ใช้เฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น ส่วนยาอาร์ยู 486 เป็นยาที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาจาก อย. จึงไม่สามารถนำมาจำหน่ายในประเทศไทยได้ แต่มีผู้นำมาโฆษณาขายกันโจ๋งครึ่ม ชี้ใช้ซี้ซั้วนอกเหนือการควบคุมของแพทย์มีสิทธิ์ตายได้

สังคมแย่หนัก มีการโฆษณาขายยาทำแท้งกันอย่างโจ๋งครึ่มโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ในฐานะโฆษกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า อย.ได้ตรวจสอบและเฝ้าระวังเกี่ยวกับการโฆษณาขายยาทางอินเตอร์เน็ต แต่ก็ยังได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการลักลอบโฆษณาขายยาทำแท้งไซโตเท็ค และยาอาร์ยู 486 ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ จึงได้ตรวจสอบการโฆษณาขายยาผิดกฎหมายและปิดเว็บไซต์เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังพบว่ามีการลักลอบขายอยู่

รองเลขาธิการ อย.กล่าวอีกว่า ยาไซโตเท็ค จัดเป็นยาควบคุมพิเศษที่ให้ใช้เฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น โดยมีข้อบ่งชี้ให้ใช้สำหรับรักษาแผลของลำไส้เล็กส่วนต้นของกระเพาะอาหาร และใช้สำหรับการป้องกันการเกิดแผลของกระเพาะอาหารที่เกิดจากการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น แอสไพริน หรือใช้ในคนไข้ที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารแทรกซ้อน เช่น ผู้สูงอายุหรือคนที่มีโอกาสสูงที่จะเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ที่สำคัญมีข้อห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์หรือสตรีที่วางแผนการตั้งครรภ์อีกด้วย

ภก.ประพนธ์กล่าวต่อไปว่า จากผลข้างเคียงที่ระบุ เป็นข้อห้ามในการใช้ยาดังกล่าวในเบื้องต้นนั้น จึงทำให้มีการนำยามาใช้อย่างผิดวิธีและผิดกฎหมาย ผู้ที่หลงเชื่อไปสั่งซื้อยาไซโตเท็คมาใช้เองนั้น ผลที่ตามมาคืออาจทำให้มดลูกเกิดการรัดตัวอย่างรุนแรงจนเกิดการปริแตกของมดลูก และอาจเกิดภาวะตกเลือดในช่องท้องอย่างเฉียบพลัน จนช็อกจากการเสียเลือดมากและเสียชีวิตในที่สุด สำหรับยาอาร์ยู 486 ที่โฆษณาอวดอ้างเป็นยาทำแท้งนั้น ยาดังกล่าวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาจาก อย. เนื่องจากยาชนิดนี้เข้าข่ายเป็นยาที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านอื่นๆ หรืออาจก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม และอาจมีการนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ง่าย จึงไม่สามารถนำมาจำหน่ายในประเทศไทยได้