สมิติเวชเด็กอินเตอร์ฯปูทางไทยสู่เมดิคอลฮับ
 


สมิติเวชเด็กอินเตอร์ฯปูทางไทยสู่เมดิคอลฮับ


สมิติเวชเด็กอินเตอร์ฯปูทางไทยสู่เมดิคอลฮับ

“ที่จริงคนไข้เด็กของเรามีต่างชาติมาใช้บริการด้วยอยู่แล้วแต่การเปิดตัวโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชอินเตอร์เนชั่นแนลอย่างเป็นทางการจะทำให้ภาพชัดเจนขึ้นซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของไทยในฐานะเมดิคอลฮับศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชียซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของประเทศไทยเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี  2558”  นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) ระบุ

โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นการผสานจุดแข็งด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยเด็กของทั้งสุขุมวิทและศรีนครินทร์เข้าด้วยกันและพัฒนาให้เป็นเอ็กเซลเลนท์เซ็นเตอร์ซึ่งไม่เพียงเพียบพร้อมไปด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและนานาชาติแต่ยังมีความพร้อมในเรื่องของเครื่องมืออันทันสมัยไม่น้อยหน้าประเทศที่ก้าวล้ำอย่างสหรัฐอเมริกา รวมทั้งการมีเครือข่ายพันธมิตรในอาเซียนและขยายสู่ญี่ปุ่นและอาหรับ

“ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันนอกจากสิงคโปร์ที่มีความเจริญทางด้านการแพทย์ที่ใกล้เคียงกันซึ่งเมื่อเทียบราคาค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาของไทยที่ถูกกว่าเกือบครึ่งแล้วความสามารถของแพทย์ผู้ทำการรักษายังเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติและประเทศไทยก็ยังมีความพร้อมในเรื่องของที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งจะป็นส่วนเสริมให้ไทยมีจุดแข็งมากขึ้นด้วยอย่างการรักษาโรคธาลัสซีเมียในเด็กหากรักษาที่สิงคโปร์อาจจะต้องจ่ายถึง  10  ล้านบาท แต่ของเราจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงแค่  2-3  ล้านบาทเท่านั้น”

ด้วยประสบการณ์และชื่อเสียงในด้านการดูแลผู้ป่วยเด็กมากกว่า 35 ปี และเปิดให้บริการโรงพยาบาลเด็กมานานถึง  11 ปี จึงทำให้โรงพยาบาลเด็กสมิติเวชได้รับการยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติมาโดยตลอดโดยให้บริการผู้ป่วยเด็กทั้งที่ศรีนครินทร์และสุขุมวิทมีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญการดูแลรักษาเด็กโดยเฉพาะถึงกว่า 150 คน ซึ่งสามารถให้การดูแลรักษาโรคเฉพาะทางของเด็กในขั้นตติยภูมิมีการผ่าตัดเฉพาะทาง ดูแลฉุกเฉินรวมทั้งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเด็กทั้งในและนอกประเทศ

นพ.ดุลย์ ดำรงศักดิ์ รองประธานคณะผู้บริหารและผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวชกล่าวว่า สมิติเวชต่อยอดความชำนาญด้านการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเด็กโดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเด็กทางอากาศซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 เพราะเล็งเห็นว่าผู้ป่วยบางรายที่บางครั้งอาจอยู่ในพื้นที่ที่สถานพยาบาลไม่เอื้ออำนวยกับการรักษามีความจำเป็นจะต้องได้รับการเคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อมกว่าเพื่อให้การรักษาอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กที่มีความละเอียดอ่อนและต้องการการใส่ใจมากกว่า

“เดิมมีเพียงสิงคโปร์ที่มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ทางเราเห็นว่าในอนาคตการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเด็กในรูปแบบนี้มีความจำเป็น จึงได้เริ่มฝึกบุคลากรขึ้นมาเพื่อทำงานตรงส่วนนี้โดยเฉพาะ แม้เดิมจะมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยผู้ใหญ่ทางอากาศอยู่แล้ว แต่เพราะผู้ป่วยที่เป็นเด็กต้องมีอุปกรณ์เฉพาะและมีความระมัดระวังที่สูงมากขึ้นไปอีกเพราะบางครั้งผู้ป่วยเป็นเด็กทารกแรกเกิดซึ่งต้องระวังเรื่องแรงสั่นสะเทือนเป็นพิเศษ”

นอกจากนี้ทีมแพทย์และพยาบาลจะต้องฝึกฝนเพื่อให้สามารถยกและใช้เครื่องมือที่มีน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัมให้ได้ด้วยเพราะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานซึ่งจะมีเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น โดยที่ผ่านมานอกจากจะให้การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเด็กในประเทศแล้วยังขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงในภูมิภาคอาเซียนด้วยทั้งเวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์ และเลยไปถึงบังกลาเทศ รวมทั้งจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้

“นอกจากจะใช้เฮลิคอปเตอร์ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศแล้วบางครั้งหากเป็นผู้ป่วยเด็กที่อยู่ต่างประเทศอาจจะใช้เครื่องบิน

เจ๊ตมาช่วยก่อนจะใช้เฮลิคอปเตอร์ส่งต่อมายังโรงพยาบาลอีกทอดหนึ่งทีมแพทย์และพยาบาลที่ได้รับการยอมรับของเรายังถูกเชิญให้ไปช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในประเทศอื่น ๆ ด้วยอย่างล่าสุดกับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเด็กจากฟิลิปปินส์ไปยังฮ่องกงรวมทั้งบริการส่งกลับผู้ป่วยไปยังประเทศอื่น เช่น สหรัฐอเมริกาหรือออสเตรเลียด้วย”

การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากในเวลานี้เพราะหากผู้ป่วยเด็กเหล่านั้นถึงที่หมายและได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วซึ่งตลอดระยะเวลา 6 ปีของการดำเนินงานทีมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศโรงพยาบาลสมิติเวชได้เคลื่อนย้ายและดูแลรักษาผู้ป่วยเด็กมาแล้วกว่า 150 ราย.



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.