แคนนอนเปิดตัว LEGRIA MINI X กล้องวิดีโอเพื่อคอโซเชียล
 


แคนนอนเปิดตัว LEGRIA MINI X กล้องวิดีโอเพื่อคอโซเชียล


แคนนอนเปิดตัว LEGRIA MINI X กล้องวิดีโอเพื่อคอโซเชียล

แคนนอน แนะนำกล้องวิดีโอไซส์มินิ รุ่นใหม่ LEGRIA MINI X ชูจุดเด่นบันทึกภาพ และเสียงรองรับ Linear PCM ที่คมชัด โดนใจกว่าเดิม ขนาดเล็กพกสะดวกขากล้องหมุนได้ มีไวไฟในตัวแชร์ไฟล์ได้ทุกที่ทุกเวลา...

แคนนอน วางแผนจะเปิดตัวกล้องวิดีโอแคนนอน LEGRIA MINI รุ่นใหม่ คือ LEGRIA MINI X  (เลอเกรีย มินิเอ็กซ์) ที่ออกแบบมาให้มีขนาดเครื่องกะทัดรัด พร้อมเพิ่มขาตั้งกล้องแบบปรับหมุนได้ ทั้งการถ่ายภาพแนวนอนและแนวตั้งทำมุมสูงสุดได้ถึง 60 องศา ช่วยให้ได้ภาพสวยในทุกสถานการณ์ และยังมีช่องเสียบขาตั้งกล้องติดตั้งมาพร้อมกันให้เลือกใช้ตามต้องการ เหนือกว่าด้วยภาพและเสียงคมชัดเต็มอารมณ์ เพราะแคนนอนได้พัฒนาคุณภาพเสียงของกล้อง LEGRIA MINI X เพื่อให้ตรงใจผู้ใช้งานยิ่งกว่าเดิม ช่องไมโครโฟนแบบใหม่ขนาดใหญ่กว่ากล้องรุ่นก่อนถึง 2.5 เท่า ทำให้มีความไวมากขึ้น จึงช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ตัวไมโครโฟนประกอบขึ้นจากวัสดุคุณภาพสูงแบบใหม่ 2 ชั้นทำจากฟองน้ำและตาข่ายผ้า ยิ่งช่วยลดเสียงรบกวนและให้เสียงคมชัดมากยิ่งขึ้น


อีกหนึ่งคุณสมบัติใหม่ของกล้อง LEGRIA MINI X คือ การบันทึกเสียงระบบ Linear PCM (16-bit/48KHZ) ซึ่งเป็นรูปแบบไฟล์ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการปรับแต่งและบีบอัดข้อมูล คุณภาพเสียงคมชัดเหมือนแผ่นซีดี ทุกสัญญาณเสียงที่กล้อง LEGRIA MINI X บันทึกได้จึงชัดเจนแม่นยำเหมือนต้นฉบับไม่ผิดเพี้ยน เทคโนโลยีบีบอัดเสียงใหม่ในกล้อง LEGRIA MINI X ยังช่วยลดความแตกต่างของประเภทเสียงเบาและเสียงดังทำให้มีไดนามิคเรนจ์กว้าง สามารถบันทึกเสียงในทุกสถานการณ์ได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าเป็นคอนเสิร์ต การประชุม การแสดงสดของนักร้องโอเปร่า งานเปิดตัวสินค้าใหม่ ก็ให้คุณภาพเสียงสมดุลลงตัวทุกคลื่นความถี่

สำหรับผู้ใช้ที่พิถีพิถันเรื่องคุณภาพเสียงมากเป็นพิเศษยังสามารถปรับตั้งค่าเสียงต่างๆ แบบแมนนวลได้ตามต้องการ อาทิ ระดับเสียงไมโครโฟน การลดเสียงลมรบกวน ทิศทางไมโครโฟน รวมถึงการตั้งค่าบีบอัดเสียงต่างๆ นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งานร่วมกับไมโครโฟนภายนอก ผู้ใช้จึงสามารถตรวจเช็กระดับเสียงจากหน้าจอกล้องได้โดยตรง หรือ ผ่านเฮดโฟนได้ทันที แคนนอนยังช่วยให้การบันทึกเสียงเป็นเรื่องง่ายขึ้นด้วยฟังก์ชั่นปรับเลือกโหมดเสียง (Audio Scene Select) ที่มีมาให้เลือกใช้ด้วยกันถึง 8 แบบ โดยกล้องจะปรับตั้งค่าเสียงเองอัตโนมัติให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่คมชัด นอกเหนือจากโหมดเดิมที่มีในกล้องรุ่นก่อน แคนนอนยังเพิ่มโหมดใหม่เข้ามาอีก 2 แบบ คือ โหมด Festival สำหรับถ่ายการแสดงดนตรีกลางแจ้ง และโหมด Meeting สำหรับการบันทึกเสียงในห้องประชุมที่มีลำโพงหลายตัว


ในด้านการควบคุมสั่งงาน จะทำผ่านหน้าจอ LCD ระบบทัชสกรีนปรับหมุนได้หลายทิศทาง ตอบโจทย์การถ่ายภาพได้ทุกมุมมอง ทั้งภาพมุมต่ำ มุมสูง หรือการถ่ายภาพตัวเองแบบ ‘Selfie’ ก็ทำได้ง่ายดายกว่าที่เคย โดยหน้าจอปรับหมุนเองได้อัตโนมัติ และจับคว่ำได้เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้ใช้จึงสนุกกับการค้นหามุมมองถ่ายภาพใหม่ๆ ได้ไม่รู้จบ ขณะที่เลนส์มุมกว้างพิเศษที่ติดตั้งมาช่วยให้ไม่พลาดเก็บทุกรายละเอียดการเคลื่อนไหว เพราะถ่ายภาพนิ่งได้ครอบคลุมถึง 170 องศา และภาพวิดีโอได้กว้างถึง 160 องศา คุณก็สร้างสรรค์คลิปวิดีโอหลากสไตล์ได้ไม่จำกัดแม้อยู่ในสถานที่ที่มีพื้นที่แคบ

หากผู้ใช้ต้องการถ่ายภาพโคลสอัพก็ทำได้ทันทีเพียงแค่กดไอคอนบนหน้าจอแอลซีดี โดยในโหมดนี้มีจะระบบป้องกันภาพสั่นไหว (Electronic Image Stabilizer) เพื่อลดการสั่นของตัวกล้องขณะถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD ด้วยประสิทธิภาพของ 2 ขุมพลังคือ เซ็นเซอร์ CMOS ความไวแสงสูงความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และชิพประมวลผลภาพ DIGIC DV4 ช่วยให้ได้ภาพสวยคมชัดเต็มอารมณ์มีสัญญาณรบกวนต่ำแม้อยู่ในที่ที่มีแสงน้อย โดยเลือกบันทึกไฟล์ได้ทั้งแบบ MP4 และ AVCHD (50i)

โหมดถ่ายภาพ slow motion ที่เหมาะสำหรับถ่ายภาพกีฬา (บันทึกช้าสุดที่ความเร็ว 1/4x) และโหมด fast motion ที่ช่วยเติมสีสันให้คลิปวิดีโอของคุณ อาทิ คลิปสอนแต่งหน้า สอนทำอาหาร (เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 4x) นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาให้เลือกใช้ตามสภาพแวดล้อมเพื่อภาพคมชัดสมบูรณ์ เช่น โหมดถ่ายภาพในรถที่จะลดเสียงเครื่องยนต์ลงให้อัตโนมัติ โหมดถ่ายภาพอาหารและแฟชั่น ที่ช่วยดึงความเป็นธรรมชาติและสีสันอันน่าหลงใหลออกมาได้อย่างสมบูรณ์ และยังมีโหมดถ่ายภาพอัจฉริยะ (Smart Auto) ช่วยปรับโหมดถ่ายภาพตามสภาพแสงต่างๆ ได้อัตโนมัติอีกด้วย


แคนนอนติดตั้งเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สายเข้ามาเพื่อให้กล้องวิดีโอ LEGRIA MINI X เพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น ‘CameraAccess Plus’ (รองรับทั้ง iOS และ Android) ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ควบคุมการทำงานของตัวกล้องและตรวจเช็กภาพได้จากระยะไกลผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน แต่คุณยังสามารถใช้กล้อง LEGRIA MINI X เป็นเสมือนกล้องวงจรปิดติดตามความเคลื่อนไหวได้ เช่น การตั้งกล้องไว้ที่บ้านเพื่อจับตาดูสัตว์เลี้ยงขณะออกไปทำงาน หรือถ่ายภาพทารกในห้องนอนขณะที่พ่อแม่อยู่อีกห้องหนึ่ง เป็นต้น โดยไม่สิ้นเปลืองแบตเตอรี่เพราะกล้องจะเข้าสู่ standby อัตโนมัติตลอดเวลา และจะเริ่มบันทึกภาพทันทีที่มีการเรียกใช้งานผ่านมือถือ

LEGRIA MINI X  มาพร้อมแบตเตอรี่แบบใหม่ใช้งานได้ถึง 150 นาที นานขึ้นกว่ากล้องรุ่นเดิมเกือบ 2.5 เท่า ยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับเอสดีการ์ด (ขนาดความจุ 64GB จะบันทึกวิดีโอได้ถึงเกือบ 6 ชั่วโมงที่ความเร็ว 24Mbps) ด้วยความอึดของแบตเตอรี่ผู้ใช้ก็จะยิ่งบันทึกภาพได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม คือ แท่นวางกล้องรุ่น CT-V1 ช่วยให้ผู้ใช้สั่งแพนกล้องไปรอบๆ ได้ครอบคลุมถึง 200 องศา ยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับกล้อง LEGRIA MINI X ที่มีเลนส์มุมกว้างพิเศษ ผู้ใช้จึงสามารถเก็บภาพโดยรอบได้เกือบทั้งหมด 100% โดยแท่นวางกล้อง CT-V1 นี้ใช้งานได้ทั้งแบบเสียบปลั๊กไฟหรือใช้แบตเตอรี่ AA จำนวน 2 ก้อนที่ทำงานได้นานกว่า 9 ชั่วโมง.

 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.