ไมโครซอฟท์ ชูคุณสมบัติรองรับการทำงานในช่วงวิกฤติของ "คลาวด์ โซลูชั่น" กระตุ้นองค์กรวางแผนก่อนเกิดเหตุไม่คาดฝัน...
ภาวะการหยุดชะงักของภาคธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่กระตุ้นเตือนให้องค์กรต่างๆ เห็นความสำคัญของการวางแผนต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Planning - BCP) ซึ่งจะช่วยกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการสะดุด และนำพาองค์กรกลับสู่การดำเนินธุรกิจในภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ซึ่ง “ไมโครซอฟท์” ได้นำเสนอระบบคลาวด์ โซลูชั่น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนความต่อเนื่องดังกล่าว เพื่อช่วยให้ธุรกิจเกิดความคล่องตัว และเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานให้องค์กรในทุกสถานการณ์
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ ได้สอบถามคำถามกับผู้บริหารและผู้มีอำนาจตัดสินใจทางด้านไอทีในองค์กร ได้แก่ เมื่อมีความจำเป็นต้องทำงานจากที่บ้าน องค์กรของคุณมีเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับพนักงานในการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทหรือไม่ ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทางด้านไอทีขององค์กรต่างๆ ในประเทศไทย ยังคงมีความกังวลใจเกี่ยวกับการติดขัดในการสื่อสาร และการที่พนักงานไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล หรือมาทำงานที่ออฟฟิศได้เมื่อเกิดเหตุวิกฤติ แม้ในสถานการณ์ทั่วไปพนักงานจะสามารถเข้ามาทำงานได้เป็นปกติ แต่การลงทุนกับไอทีโซลูชั่นส์ ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านบริการคลาวด์ โซลูชั่นส์ ต่างๆ จากไมโครซอฟท์ อาทิ ออฟฟิศ 365 (Office 365) วันไดร์ฟ (OneDrive) รวมถึงเครื่องมือติดต่อสื่อสารภายในองค์กร ทั้งแยมเมอร์ (Yammer) และลิงค์ (Lync) และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ไดเร็คท์ แอคเซส (Direct Access) รวมถึง วินโดวส์ อินทูน (Windows Intune)
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงการเก็บสำรองข้อมูลสำคัญทางธุรกิจ จะพบว่าวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจและอาจสร้างความเสียหายกับเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร ซึ่งไมโครซอฟท์นำเสนอการปกป้องด้วยการเก็บสำรองและกู้คืนได้อย่างรวดเร็วเพื่อความต่อเนื่องในการใช้งาน วินโดวส์ อาชัวร์ แบ็กอัพ (Windows AzureBackup) ซึ่งนอกจากการเก็บรักษาข้อมูลไว้ภายนอกกองค์กรอย่างปลอดภัย ยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสข้อมูลก่อนนำไปเก็บรักษา
นอกจากนี้ เมื่อสอบถามถึงความสามารถในการควบคุมข้อมูล รวมถึงการตั้งค่าความปลอดภัยของข้อมูล ก็พบว่า คลาวด์ โซลูชั่นส์ บนระบบปฏิบัติการคลาวด์ของไมโครซอฟท์นั้น จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับตั้งค่าความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และมาตรฐานความปลอดภัย ในระดับที่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร วินโดวส์ อินทูน และวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ ซิสเต็ม เซ็นเตอร์ (Windows Server System Center) และในกรณีที่อุปกรณ์เกิดสูญหาย หรือถูกโจรกรรม บิทล็อคเกอร์ ไดร์ฟ เอนคริปต์ชั่น (BitLocker Drive Encryption) ที่ติดตั้งอยู่ในวินโดวส์ 8.1 โปร และวินโดวส์ 8.1 เอนเตอร์ไพร์ส ก็จะช่วยปกป้องอุปกรณ์และข้อมูลที่มีค่าของผู้ใช้และองค์กรอีกด้วย.
