องค์การอนามัยโลกออกคำแนะนำปริมาณการบริโภคน้ำตาลใหม่ ระบุว่าปริมาณน้ำตาลที่แนะนำให้บริโภคต่อวันไม่ควรเกิน 10% ของปริมาณแคลอรีที่ได้รับในแต่ละวัน แต่หากบริโภคลดลงเหลือ 5% จะเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น ดร.ฟรานเชสโก บรังก้า ผู้อำนวยการด้านสารอาหารขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ผู้บริโภคควรจะตั้งเป้าหมายในการรับน้ำตาลไม่เกิน 5 %ของปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวัน โดยจำนวนน้ำตาลที่ควรจำกัดปริมาณได้แก่น้ำตาลที่เติมในอาหาร รวมถึงน้ำตาลตามธรรมชาติเช่น น้ำผึ้ง น้ำเชื่อม น้ำผลไม้และน้ำผลไม้สกัดเข้มข้น
ตั้งแต่ปี 2002 องค์การอนามัยโลกได้ออกคำแนะนำเรื่องปริมาณน้ำตาลที่บริโภคไม่ควรเกิน 10 % ของปริมาณแคลอรีที่ควรได้รับในแต่ละวัน คือวันละประมาณ 50กรัมในผู้บริโภคผู้ใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญคิดว่าปริมาณดังกล่าวยังมากเกินไป ดูได้จากจำนวนผู้ป่วยเบาหวานที่เพิ่มปริมาณขึ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ มีรายงานจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศอังกฤษรายงานว่า ชาวอังกฤษบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่เกินกว่าปริมาณแนะนำ โดยในผู้ใหญ่มีการบริโภคน้ำตาล 11.6% และในเด็ก 15.2% จากปริมาณแคลอรีที่ได้รับในแต่ละวัน จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลกพบว่าการรับประทานน้ำตาลสัมพันธ์กับการทำให้เกิดฟันผุและป่วยโรคเบาหวาน
ในปี 2556 นิตยสารการแพทย์แห่งสหราชอาณาจักรได้ตีพิมพ์การรับประทานเครื่องดื่มที่มีการเติมน้ำตาล มีผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ไม่ต่างจาการทานอาหารรสหวาน นักวิจัยชาวอังกฤษยังพบว่าเมื่อลดปริมาณการทานน้ำตาลลงให้น้อยกว่า 10% ต่อจำนวนแคลอรีทีได้รับในแต่ละวัน ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุได้
อย่างไรก็ดีการจะลดการบริโภคน้ำตาลให้เหลือ 5 % จากปริมาณแคลอรีที่ควรได้รับใน หนึ่งวันเป็นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย ศ.ทอม แซนเดอร์ กล่าวว่ามันเป็นการยากที่ลดการบริโภคน้ำตาลให้เหลือ 5 %ต่อวัน เพราะเราจะแทบไม่ได้รับรสหวานจากอาหารเลย ปริมาณ10% มีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติมากกว่า
ขณะเดียวกัน แพทย์หญิงชื่อดังชาวอังกฤษ แซลลี่ เดวีส์ ได้มีการเรียกร้องให้มีการเก็บภาษีน้ำตาล โดยหวังว่าจะเป็นมาตรการต่อสู้กับโรคเบาหวานได้