ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยพริ้นซ์ตัน สหรัฐอเมริกา บ่งชี้ว่าภายในปี 2017 หรือ อีก 3 ปีข้างหน้า เฟซบุ๊กจะสูญฐานลูกค้าที่มีอยู่ทั้งหมด 1,200 ล้านคนลงถึง 80% สืบเนื่องมาจากความนิยมที่ลดน้อยลง

เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน รายงานผลการวิจัยของ 2 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยพริ้นซ์ตัน ระบุความนิยมของเฟซบุ๊ก ที่แพร่กระจายคล้ายกับโรคระบาด จะเริ่มเสื่อมมนต์ขลังลงเรื่อยๆ และที่สุดในอีก 3 ปีข้างหน้าคือภายในปี 2017 เฟซบุ๊กจะเสียลูกค้าไปถึง 80%
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กซึ่งกำลังจะฉลองครบรอบ 10 ปี ในวันที่ 4 ก.พ. ถือได้ว่าเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีอายุยืนยาวกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นมายสเปซ (Myspace) หรือบีโบ (Bebo) ซึ่งถูกลืมไปหมดแล้ว

การวิจัยดังกล่าวศึกษาความนิยมในการเข้าค้นหาเว็บเฟซบุ๊กในกูเกิล ซึ่งถึงจุดสูงสุดในเดือน  ธ.ค.2012 จากนั้นก็เริ่มซาลง คล้ายกับโรคระบาด

โดยเปรียบเทียบกับวงจรชีวิตของโซเชียลเน็ตเวิร์กคู่แข่ง อย่างมายสเปซ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2007 มีผู้ใช้งาน 300 ล้านคน และเสื่อมความนิยมในปี 2011 โดยนิวส์คอร์ปเข้าซื้อกิจการมายสเปซไปในราคา 580 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และล่าสุดขายไปในราคาเพียง 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯเท่านั้น ขณะที่เฟซบุ๊กยอมรับเพียงแค่ว่า ใน 3 เดือนที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้งานที่เป็นวัยรุ่นลดต่ำลง

เมื่อเดือน  ต.ค.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กรายงานตัวเลขผู้ใช้งานประจำอยู่ที่ 1,200 ล้านคนต่อเดือน โดยผู้ใช้ที่เชื่อมต่อจากเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะลดลงเรื่อยๆ ส่วนผู้ใช้ที่เชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ มีอยู่ประมาณ 870 ล้านคนต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านักลงทุนหุ้นเฟซบุ๊กจะยังคงให้การตอบรับกับราคาหุ้นเป็นอย่างดี โดยล่าสุดหุ้นเฟซบุ๊กทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด หุ้นละ 58.51 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้มูลค่าหุ้นที่มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กถืออยู่ทะลุ 142,000 ล้านเหรียญไปเรียบร้อย.