นักวิจัยของศูนย์วิจัยมะเร็งเฟรด ฮัตชินสัน แห่งสหรัฐฯ ศึกษาพบว่า สตรีผู้ที่กินยาแก้ความดันโลหิตสูงขนานที่ใช้กันอยู่ทั่วไปมานานไม่ต่ำกว่า 10 ปี เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ใช้มีโอกาสจะถูกวินิจฉัยโรคว่าเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่ากันถึง 2 เท่า
หัวหน้านักวิจัย ดร.คริสโตเฟอร์ หลี่ ได้บอกออกตัวก่อนว่า ผลการค้นพบยังไม่ชัดแจ้งพอถึงขนาดที่ควรจะให้หมอเปลี่ยนการสั่งใช้ยาที่รู้จักกันแพร่หลายว่า ยากั้นแคลเซียมเป็นอย่างอื่น “เราไม่เคยคิดเลยว่าจะให้เปลี่ยนวิธีการรักษาที่เป็นอยู่” และเสริมว่า “เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ อยากให้ผู้คนได้หาวิธีรักษาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ผู้ป่วยควรจะได้ลองเปลี่ยนยาดูหลายขนานในขนาดต่างๆกัน เพื่อจะหายาที่เหมาะสมกับตนมากที่สุด” เขายอมรับว่ายังไม่รู้สาเหตุความเกี่ยวพันของยากับการเป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่คาดว่า มันอาจจะไปยุ่งเกี่ยวกับกลไกการทำลายตนเองตามธรรมชาติของเซลล์ที่ป่วยเข้า
ยาขนานที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวพัน ได้แก่ ยาแอมโลดีไพน์ หรือในชื่อทางการค้าว่า นอร์วาสค์ และยานิคาร์ดิไพน์ หรือชื่อการค้าว่า “คาร์เดน” พวกเขาแจ้งว่า ในอเมริกาเอง เมื่อ พ.ศ.2553 หมอได้สั่งจ่ายยาพวกนี้รวม 98 ล้านครั้ง และเมื่อคนที่ใช้ยาไปแล้ว ก็อาจต้องกินไปจนตลอดชีวิตบ่อยๆ
คณะนักวิจัยกล่าวว่า ยังไม่พบว่ายาความดันโลหิตสูงขนานอื่น พวกยาขับปัสสาวะ และยาออกฤทธิ์กั้นเบตาเกี่ยวพันกับการเป็นมะเร็งด้วย.