วันนี้(11ก.ค.)นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงกรณีที่ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยเถื่อนที่ไม่ได้ขอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จัดการเรียนการสอน โดยเปิดรับสมัครนักศึกษา และจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บไซต์ รวมถึงกรณีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกว่า ตนได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนผ่านเว็บไซต์ได้ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง ขณะนี้คงทำได้เพียงการเตือนผู้ที่จะเข้าไปลงทะเบียนเรียนกับมหาวิทยาลัยเถื่อนเหล่านั้นว่า ถึงแม้จะจบการศึกษาและได้รับวุฒิมาก็ไม่สามารถนำมาใช้ในการเข้าสู่ตำแหน่งงานของทางราชการได้ ไม่สามารถนำใช้ในการขอมีหรือขอเลื่อนวิทยฐานะ หรือนำไปใช้ในการเลื่อนตำแหน่งใดๆ ได้" สถาบันอุดมศึกษาเอกชนใดก็ตามที่เปิดในประเทศไทยต้องได้รับอนุญาตจาก สกอ. ตามพ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยเถื่อน และคนที่ได้รับปริญญาที่ออกจากสถาบันเหล่านี้ถือเป็นโมฆะ เพราะหลักสูตรที่ใช้ในการจัดการเรียนกาารสอนต้องได้รับการรับรองจาก กกอ. ก่อน ทางคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถึงจะตีค่าปริญญาให้ และคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ก็ต้องดูในหลักสูตรที่ กกอ.รับรองเช่นกัน ดังนั้นในการจะสมัครเรียนก็ควรจะตรวจสอบข้อมูลของมหาวิทยาลัยจากเว็บไซต์ของ สกอ.ก่อน และหากไม่แน่ใจว่าปริญญาที่ได้รับสามารถใช้ได้หรือไม่ ก็สามารถขอให้ สกอ.ตรวจสอบได้ โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบ 3 วัน" นายอภิชาติ กล่าวและว่า ทั้งนี้ สกอ.กำลังตรวจสอบ 2 มหาวิทยาลัยที่มีปัญหา อย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัยเถื่อนที่มีปัญหาในลักษณะดังกล่าว เมื่อหลายปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมาจากประเทศอินเดีย และฟิลิปปินส์ โดยแผนการเรียนการสอนที่แจ้งแก่ผู้เรียนคือ จะมีการจัดการเรียนการสอนที่ประเทศไทย และก่อนจบจะเดินทางไปประเทศที่ตั้งมหาวิทยาลัย แต่ในข้อเท็จจริงพบว่า ไม่ได้มีการเดินทางไปเรียนจริงนายอภิชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาในภาพรวมนั้น ขณะนี้สกอ.กำลังเร่งยกร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ซึ่งจะทำให้ สกอ. สามารถเข้าไปกำกับดูแลมหาวิทยาลัยได้มากขึ้น ทั้งในเรื่องหลักสูตรและมาตรฐาน จากเดิมที่มหาวิทยาลัยจะมีอิสระ ภายใต้การกำกับดูแลของสภามหาวิทยาลัย ซึ่งตนได้รายงานเป็นวาจาต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการแล้ว และคาดว่าจะเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการพิจารณาได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
