ใครได้-ใครเสียคลิปเสียงฉาว
 


ใครได้-ใครเสียคลิปเสียงฉาว


ใครได้-ใครเสียคลิปเสียงฉาว
วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 23 ฉบับที่ 8260 ข่าวสดรายวัน


ใครได้-ใครเสียคลิปเสียงฉาว


รายงานพิเศษ



ซ้าย-ธเนศวร์ เจริญเมือง

ขวา-พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์

แม้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม จะปฏิเสธในทันทีว่าไม่ใช่เจ้าของเสียงในคลิปที่กำลังแพร่กระฉ่อนอยู่ในขณะนี้



หากประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันกลับไม่ได้อยู่ที่ว่าคลิปจริงหรือปลอม แต่มองถึงผลกระทบและความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ



ในมุมมองของนักวิชาการและอดีตนายทหาร คิดว่าใครได้ ใครเสีย กับกรณีนี้



ธเนศวร์ เจริญเมือง

รัฐศาสตร์

และรัฐประศาสนศาสตร์ มช.

เป็นเรื่องสำคัญและเรื่องใหญ่ขนาดนี้ และเป็นการพูดคุยกันยาวๆ ทำไมไม่มีการนัดพบปะพูดคุยกันดีๆ ในขณะที่พล.อ.ยุทธศักดิ์ ปฏิเสธไม่ใช่เสียงของตัวเอง ก็เป็นอีกข้อสังเกตหนึ่งว่าคลิปดังกล่าวเป็นไปได้จริงหรือไม่



ถามว่ารัฐบาลเสียหายจากเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ มองจากมุมวิชาการ เป็นเรื่องปกติที่คนหนึ่งเมื่อถูกขับออกนอกประเทศก็ต้องคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน



เวลานี้เราต้องยอมรับว่า สังคมไทยในรอบปีสองปีแบ่งแยกกันชัดเจน หากฝ่ายประชาธิปัตย์เสนออะไร ฝ่ายสนับสนุนก็บอกว่าเห็นด้วย อีกฝ่ายก็บอกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกรังแก



คลิปดังกล่าวภาพรวมจะเป็นลักษณะทหารอาวุโสอาสาเข้ามาจัดการ ฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็บอกว่าใช้อำนาจนอกระบบแทรกแซง อีกฝ่ายที่อยากให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับ ก็คงไม่ว่าอะไร



ดังนั้น รัฐบาลจะเสียหายจากเรื่องนี้หรือไม่แล้วแต่คนกลุ่มไหนมอง แต่ในสถานการณ์ที่ 2 ฝ่าย ต่อสู้ขัดแย้งกัน คลิปนี้จะเข้ามาเติมความขัดแย้งให้รุนแรง มากขึ้น



ความยากลำบากในการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหนังยาว ใครอยากพูดอะไรก็พูดไป แต่ในความเป็นจริงช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องตื่นเต้นอะไรแล้ว



และตราบใดที่ระบบใหญ่ คือความขัดแย้งกันทางระบอบประชาธิปไตยยังตกลงกันไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าใครจะได้กลับบ้าน



ในทางการเมือง ในเมื่อรัฐบาลมีความชอบธรรมและมีประสิทธิภาพ 1. มีความชอบธรรมเพราะมาจากการเลือกตั้ง



2. มีความชอบธรรมสูงขึ้นเพราะไม่ใช่รัฐบาลชุดแรกของพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับเลือก แต่เป็นรัฐบาลเพื่อไทยที่ต่อเนื่องมาจากพรรคไทยรักไทย และพลังประชาชน



3. การมีนายกฯหญิง ที่แก้ปัญหาได้ฉับไว



เชื่อว่าการทำงานไม่มีปัญหา การทำงานร่วมกันของรัฐบาลและทหารอาจมีสะดุดบ้าง ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องคุย ต้องเคลียร์กันด่วน





พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์

ส.ว.สรรหา

มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก สาระในคลิปค่อนข้างละเอียดอ่อน สังคมต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องออกมาปฏิเสธทั้งหมดว่าเป็นเรื่องไม่จริง



ถ้ารัฐบาลให้ความมั่นใจเรื่องนี้ก็น่าจะจบ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลในกองทัพ



ส่วนเรื่องตัดต่อหรือไม่เห็นพูดกันในช่วงแรก แต่ตอนหลังก็ไม่พูดกันแล้ว แต่คลิปลักษณะนี้เป็นการสนทนาโต้ตอบกัน การตัดต่อทำไม่ได้ หรือทำได้ก็ยากมาก



ทุกคนต้องยอมรับว่าเรื่องมีมูลและรมช.กลาโหมต้องรับผิดชอบเองว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ปัญหาก็พอจะคลี่คลายได้



แต่ถ้าปล่อยไปคนยิ่งจะปักใจเชื่อ เพราะในคลิปเป็นเรื่องของบุคคลที่ 3 อยู่มาก โดยเฉพาะ ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งถูกสังคมให้แสดงจุดยืน



ส่วนตัวคิดว่าคนที่ถูกกล่าวหาคงอยู่ในวงการการเมืองไม่ได้แล้ว ความน่าเชื่อถือตกต่ำลงมาก การทำงานกับผบ.เหล่าทัพ จะทำงานร่วมกันอย่างไร โดยเฉพาะบุคคลในกองทัพที่ถูกพาดพิงถึงคงไม่ให้ความเชื่อถือ



ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่สังคมรับไม่ได้ ยิ่งปฏิเสธสังคมยิ่งรับไม่ได้



ส่วนผลกระทบกับนายกฯ เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของคนสองคนพูดคุยกัน แต่ถ้านายกฯไปอุ้มเมื่อไรก็มีปัญหา



ถ้าตัวต้นเหตุเสียสละเพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้ แล้วเก็บตัวเงียบไป เรื่องก็จบ

ซ้าย-พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์

กลาง-สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

ขวา-พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง





แต่ถ้าทิ้งไว้นายกฯจะเป็นฝ่ายถูกจี้ให้รับผิดชอบเสียเอง





พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์

ส.ว.ชุมพร ประธานกมธ.การทหาร

ต้องมองว่าคลิปนั้นใช่หรือไม่ใช่ของจริงก่อน ถ้าใช่ ก็ต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ทั้งทางคุณธรรม จริยธรรม จะอยู่ต่อไปหรือไม่



แต่ถ้าไม่ใช่ คนที่ปล่อยคลิปหวังประโยชน์อะไร ซึ่งเป็นไปได้ทุกเรื่องเพราะเราไม่มีข้อมูล



ส่วนจะมีผลต่อกองทัพอย่างไรคงตัดสินใจแทนกองทัพคงไม่ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็อยู่ในดุลอำนาจของผู้บริหารคือตัวนายกฯ และต้องดูที่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง



แต่มองว่าไม่น่าจะกระทบถึงการโยกย้ายในกองทัพ เพราะการโยกย้ายมีคณะกรรมการและสภากลาโหม มีกฎหมายบังคับอยู่ และตามวัฒนธรรมประเพณีต้องพิจารณาจากผบ.เหล่าทัพ ก่อนจะเสนอการปรับย้าย ผู้ใหญ่ของกองทัพและผู้ใหญ่ฝ่ายบริหารก็ต้องปรึกษาหารือกันก่อน



ดังนั้น การที่ฝ่ายการเมืองจะมาแทรกแซง ผบ.เหล่าทัพ หรือกองทัพไทยก็ต้องทบทวนให้มาก ถึงเวลานี้ระดับผู้ใหญ่ และรมช.กลาโหมคงคุยกันแล้ว



ส่วนข้อเรียกร้องให้รมช.กลาโหม ลาออกนั้น ถ้าไม่ใช่จะลาออกทำไม ถ้าลาออกก็ถือว่ายอมรับ ในทางการเมืองยอมรับกันไม่ได้ ถ้าไม่จริงก็ต้องออกแถลงข่าวว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร



แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องพิจารณาตัวเอง



สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

อักษรศาสตร์ จุฬาฯ

คลิปเสียงไม่น่ากระทบกับรัฐบาลมากมาย เพราะเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว ช่วง 2 ปี ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ก็มีแนวโน้มประนีประนอมกับทหารชัดเจน การไม่เล่นงานทหารจากเหตุการณ์ปี"53 ก็บอกอะไรอยู่แล้ว



เนื้อหาในคลิปจึงเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว ประเมินกันได้อยู่แล้ว ไม่แปลกอะไร เพียงแต่เดิมอาจไม่มีข้อมูล



ส่วนที่มองว่าเป็นการแทรกแซงทหารนั้น ทำไม่ได้อยู่แล้ว หากจะทำได้ก็ต้องแก้พ.ร.บ.กลาโหม ซึ่งไม่เห็นแนวโน้มที่รัฐบาลจะขอแก้ และรัฐบาลทุกชุดก็มีการพูดคุยกับทหารเรื่องการโยกย้ายทั้งนั้น การพูดคุยกันนอกรอบเป็นเรื่องปกติธรรมดา



ที่เกรงว่าเรื่องราวจะบานปลายเพราะมีการพาดพิงทหารนั้น จะเห็นว่าบางคนที่ถูกพาดพิงก็เป็นอดีตนายทหาร ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกองทัพนานแล้ว



ส่วนการอาสาดำเนินการเรื่องต่างๆ ก็เป็นวิธีพูดเพื่อเอาใจนายหรือคนที่มีอำนาจ เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน



การพูดคุยไม่มีผลระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ การระแวงกันจึงไม่น่ามี เพราะ 2 คนคุยกัน ไม่ได้เป็นการประชุมสภากลาโหม



และทหารก็ไม่ได้เสียหายอะไร หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นคลิปจริง ก็เป็นการพูดคุยและคาดการณ์ของคน 2 คน ไม่ได้เกี่ยวกับคนในกองทัพ





พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง

ส.ว.สรรหา

เรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ ปัญหาที่เกิดขึ้นเหมือนกับความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามา ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ แต่ถ้ารู้แล้วปล่อยไว้อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง



ถ้าพูดจริงก็ต้องมีผลต่อรัฐ บาลแน่นอน เพราะมีการพูดถึงเรื่องโยกย้ายทหารด้วย ถ้าไม่จริงก็ไม่มีอะไร



อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคลิปดังกล่าวคงไม่สั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล เพราะเท่าที่ดูหน้าตา ครม.ชุดนี้ก็ดูดี



เช่นกันคลิปดังกล่าวคงไม่ส่งผลต่อการทำหน้าที่รมว.กลาโหมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี



ยังเห็นว่านายกฯ เป็นผู้หญิง การทำงานน่าจะนุ่มนวลกว่าสมัย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม ที่พูดกันว่ามีท่าทีแข็งไปหน่อย เนื่องจากเป็นทหาร



เช่นเดียวกัน เรื่องการโยกย้ายก็ไม่น่าจะมีเอฟเฟ็กต์อะไรมาก นายกฯก็คงเชื่อตามที่ระดับผู้ใหญ่ในกองทัพมากกว่า คงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม



การทำงานระหว่างกองทัพกับรัฐบาลไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้


หน้า 3




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.