หน้ามืด
 


หน้ามืด


หน้ามืด
วันที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 23 ฉบับที่ 8252 ข่าวสดรายวัน


หน้ามืด


คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
คาดเชือก คาถาพัน



ความแตกต่างประการสำคัญ (และหมายถึงความอยู่รอดของวิชาชีพสื่อด้วย) ระหว่างข่าวที่แพร่หลายอยู่ในโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งจำนวนมากจับต้องต้นตอไม่ได้ กับข่าวในสื่อที่เปิดเผยตัวตนกับสาธารณะ

ก็คือความน่าเชื่อถือ และความเป็นมืออาชีพ

บทเรียนเบื้องต้นข้อหนึ่งของวิชาชีพสื่อก็คือ จะต้องไม่ด่วนตัดสินใจหรือลงความเห็นใดๆ จนกว่าจะได้ข้อมูลข้อเท็จจริงมาประกอบยืนยันชัดเจนแล้ว

แต่สื่อ (ที่หากินเป็น) อาชีพจำนวนหนึ่งในสังคมไทย อาจจะ "เบลอๆ" กับหลักการข้อนี้ในหลายปีที่ผ่านมา

สังคมจึงได้อ่านข่าวที่ไม่เป็นข่าว ข่าวเต้า ข่าวที่บิด เบือนไปจากความจริงจำนวนไม่น้อย

รวมถึงสองกรณีล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างเรื่องสหรัฐห้ามข้าวเน่าจากไทยเข้าไปขาย กับเรื่อง "เค วอต้ม" ด้วย

ข่าวแรกนั้น ท้ายที่สุดก็ถูกยืนยันจากหลักฐานเอกสารทั้งไทยและเทศ ว่าเป็นข่าวที่ปั้นขึ้นมาเองลอยๆ

ไม่ได้มีหลักฐานที่มายืนยันอะไรเลยตั้งแต่ต้น

แต่รู้ทั้งรู้ก็ยังกระจายข่าวกันออกไป เพื่อใช้เป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง

ส่วนเรื่องที่สองยิ่งคลาสสิคเข้าไปใหญ่

สมาคมวิชาชีพกระโดดเข้ามาเล่นเองเลย จัดหนักจัดเต็มว่าบริษัทเกาหลีใต้ที่ประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลไทย เป็นบริษัทต้มตุ๋น หนี้ท่วมหัว จะล้มละลายอยู่แล้ว

ก่อนจะถูกแฉด้วยข้อเท็จจริงในเวลาถัดมาไม่นานว่าถ้าไม่ใช่เพราะ "อ่อนหัด" จนอ่านข้อมูลงบดุลไม่รู้เรื่อง ก็เป็นเพราะ "ขี้เกียจ" ค้นหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม (ทั้งที่หาได้ไม่ยาก)

หรือที่เป็นไปได้ที่สุดก็คือความเกลียดชังบังตาอยู่ จนกระทั่งพร้อมจะทำอะไรให้เกิดความเสียหายกับคน-คณะบุคคลที่ตัวเองเกลียด

ซึ่งทั้งน่าสงสารและอันตราย

หายหน้ามืดเมื่อไหร่

สมาคมวิชาชีพสื่อหันมาตรวจสอบตัวเองบ้างดีไหม


หน้า 6




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.