ไวรัสเอชพีวี ภัยร้ายจากสิ่งใกล้ตัว ที่ต้องระวัง
 


ไวรัสเอชพีวี ภัยร้ายจากสิ่งใกล้ตัว ที่ต้องระวัง


ไวรัสเอชพีวี ภัยร้ายจากสิ่งใกล้ตัว ที่ต้องระวัง

ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ และศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา

มะเร็งปากมดลูก โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้หญิงในลำดับต้นๆโรคหนึ่ง ซึ่งมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสเอชพีวี และล่าสุด มีรายงานจากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศ พบว่า เชื้อไวรัสเอชพีวีสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัส จากรายงานนี้ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย จึงร่วมกับ หน่วยไวรัสวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เก็บตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีในที่สาธารณะ ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูก, หูดหงอนไก่, มะเร็งองคชาต และมะเร็งทวารหนัก และนำมาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ที่โรงแรมโนโวเทล เมื่อเร็วๆนี้

ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า จากการเก็บตัวอย่าง 100 ตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อม โดยใช้สำลีปราศจากเชื้อชุบน้ำยาตรวจหาไวรัสเอชพีวี เช็ดถูบริเวณต่างๆ อาทิ บริเวณราวบันไดเลื่อน, ปุ่มกดลิฟต์, ลูกบิดประตูห้องน้ำ, ก๊อกน้ำที่อ่างล้างมือ, ก้านกดชักโครก, ที่รองนั่งโถส้วม เพื่อตรวจจับเชื้อไวรัสเอชพีวีในสถานที่สาธารณะ อาทิ ห้างสรรพสินค้า, โรงเรียนกวดวิชา, สนามเด็กเล่น, โรงพยาบาล, สถานีบริการน้ำมัน, สถานบันเทิง (ผับ), รถไฟฟ้า และรถประจำทาง ได้พบเชื้อไวรัสเอชพีวี 4 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 4 จากด้ามกดชักโครกในห้องน้ำหญิง ในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง, ก๊อกน้ำล้างมือที่ติดกับอ่างล้างมือในห้องน้ำชาย ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง, ที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำหญิงจากผับ และ ที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำชายจากผับแห่งหนึ่ง

ปัทมน สุริยะ

ปัทมน สุริยะ


ด้าน ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่า สถานที่ที่สามารถตรวจพบเชื้อไวรัสเอชพีวี มักเป็นที่เย็น ชื้น และไม่มีแสงแดด (UV) ส่องเข้าถึง ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มคนที่เข้าไปในสถานบันเทิงที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ เป็นกลุ่มที่มีการติดต่อและแพร่เชื้อไวรัสเอชพีวีสูงสุด โดยตรวจพบกลุ่มของไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ที่ก่อโรค คือสายพันธุ์ (type) 6, 11, 16, 18 และอื่นๆ การสำรวจครั้งนี้ไม่ได้ต้องการให้ทุกคนตระหนกตกใจว่าเข้าห้องน้ำสาธารณะแล้วจะติดเชื้อไวรัสเอชพีวี แต่เป็นสัญญาณเตือนภัยใกล้ตัวให้เกิดการป้องกันเบื้องต้นได้แก่ การล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคที่อาจจะติดมาโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูก โดยลดพฤติกรรมเสี่ยง ตรวจคัดกรองเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่ปากมดลูก เพื่อให้การรักษาก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือฉีดวัคซีนป้องกันร่วมด้วย ปัจจุบันมีวัคซีนเอชพีวี แนะนำให้ฉีดในเด็กผู้หญิงก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ช่วงอายุ 11-12 ปี จำนวน 3 เข็ม เมื่อฉีดครบ 3 เข็ม คาดการณ์ว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีได้อย่างน้อย 30 ปี โดยไม่ต้องฉีดกระตุ้น และในบางประเทศมีการฉีดวัคซีนนี้ในเด็กผู้ชายด้วย.

 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.