เสริมปัญญา "พระธรรมทูต" ใช้ "พุทธศาสนา" รับอาเซียน
 


เสริมปัญญา "พระธรรมทูต" ใช้ "พุทธศาสนา" รับอาเซียน


 เสริมปัญญา

โดย ตวงศักดิ์ ชื่นสินธุ



สถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย ยังอยู่ภาวะเสี่ยง ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่ดูแล้วรู้สึกถึงความวุ่นวายที่เหมือนจะหาทางออกไม่ได้ การชุมนุมของกลุ่มสีเสื้อต่างๆ เรื่องปากท้องข้าวของแพง ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ ปัญหายาเสพติด ฯลฯ เหล่านี้ดูเหมือนจะถาโถมเข้าใส่ประเทศไทยให้ยิ่งบอบช้ำ

จนไม่รู้ว่าประเทศจะมุ่งไปในทางที่ดี หรือทางร้าย

เมื่อไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งที่ใด ลองถือโอกาส "วันวิสาขบูชา" เข้าวัดปฏิบัติธรรม ศึกษาหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาจช่วยให้เห็นทางสว่างได้

อีกสิ่งหนึ่งที่อาจนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ภูมิภาค แม้แต่ผู้คนในแวดวงศาสนาก็อาจจะไม่เว้น นั่นคือการเกิดขึ้นของ "ประชาคมอาเซียน"

ด้วยเหตุนี้เอง สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ จึงได้เตรียมเสริมปัญญา เสริมความรู้ให้กับพระธรรมทูต ให้มีความพร้อมสำหรับการรับกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

เพราะในอนาคต คาดว่าจะมีชาวพุทธจากทั่วอาเซียนเดินทางเข้ามาเยือนประเทศไทย ตลอดจนอาจเข้าวัดปฏิบัติธรรม ศึกษาหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นจำนวนมาก

พระธรรมทูตทั้งหลายจึงต้องมีความรู้ที่ถูกต้อง ตลอดจนมีเทคนิคใหม่ๆ ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับพุทธศาสนิกชนทั้งอาเซียน ดังนั้น จึงเกิดการอบรม "พระธรรมทูตรุ่น 5" ซึ่งพระที่เข้าอบรมส่วนมากเป็นระดับพระสังฆาธิการ รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส ฯลฯ จากจังหวัดเชียงรายและพะเยา บางส่วนเป็นพระที่เคยอบรมพระธรรมทูตที่อินเดียมาก่อน จำนวน 119 รูป

นับเป็นครั้งแรกที่มีพระระดับสังฆาธิการเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

การอบรมจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เริ่มต้นโดย พระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค 6 วัดพระแก้ว จ.เชียงราย กล่าวต้อนรับ ต่อด้วย พระธรรมวรนายก เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา และประธานโครงการส่งเสริมพระสงฆ์ไทยไปศึกษาและปฏิบัติธรรมเชิงลึก ณ แดนพระพุทธภูมิ อินเดีย-เนปาล ทำพิธีเปิดการอบรม

การอบรมพระธรรมทูต รุ่น 5



สำหรับหัวข้อต่างๆ ที่มีการอบรมให้กับพระธรรมทูต อาทิ "พุทธพลิกโลก และงานพระธรรมทูต" โดย พระราชรัตนรังษี ผู้อำนวยการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ และหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล "พุทธธรรมกับการแก้ปัญหาสังคม" โดย พระธรรมวรนายก เป็นต้น

นอกจากนี้ติวเข้มเรื่องเศรษฐกิจ กฎหมาย เพื่อพระธรรมทูตนำไปพัฒนาวัดของตนเอง มีวิทยากรระดับแนวหน้าช่วยกันให้ความรู้ในหัวข้อ "พุทธพลิกโลก AEC เชื่อมการค้าพระพุทธศาสนาเชื่อมสุวรรณภูมิ"

ไม่ว่าจะเป็น สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาฯ ไพบูล ตันกูล หุ้นส่วนกรรมการ บริษัท ไพรซ์วอเตอร์ เฮาส์คูเปอร์ เอบีเอเอส สุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 5 สำนักอัยการสูงสุด และ ผศ.เฉลียว ประสิทธิ์วิเศษ รองอธิการบดี ม.ราชภัฏเชียงราย

งานนี้พระธรรมทูตได้รับความรู้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ความรู้เรื่องการทำบัญชี รายรับรายจ่าย และที่สำคัญได้รับความรู้เกี่ยวกับกฎหมายอีกด้วย

พระธรรมวรนายก บอกถึงงานของพระธรรมทูต ว่า เป็นงานที่ต้องจาริก ต้องขับเคลื่อนขบวนการเผยแผ่ เสริมสร้างความร่มเย็นให้ชาวโลก ให้พ้นจากความทุกข์ ให้เยือกเย็นท่ามกลางความเร่าร้อน งานของพระธรรมทูตจะต้องก้าวไปเรื่อย เดินสู่เป้าหมายสถาบันไตรภาคี ทุกหมู่บ้าน ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ไปสู่สถาบันวัด สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ให้มีความเข้าใจเรื่องพระพุทธศาสนาได้ลึกซึ้งมากขึ้น

ด้าน พระราชรัตนรังษี บอกถึงการจัดการอบรมว่า เป็นการมุ่งเน้นเสริมฐานเดิมให้กับพระธรรมทูต ในระดับพระสังฆาธิการ ที่มีความศรัทธา มีใจให้กับพระพุทธศาสนา

เพราะพระธรรมทูตคือผู้ที่เป็นกระบอกเสียงให้กับพระพุทธศาสนา พระธรรมทูตมีหลักในการที่จะเผยแผ่ให้กับประชาชน ก้าวข้ามความทุกข์หรือปัญหาที่มีอยู่

"ต่อไปข้างหน้าจะมีประชาชนจากหลายประเทศในอาเซียนเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น พระธรรมทูตต้องเตรียมการสิ่งที่จะเข้ามา จะมีทั้งสิ่งสมหวังและผิดหวัง จะมีทั้งปัญญาและปัญหา พระธรรมทูตจะต้องคุยกันว่า เมื่อบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป จะอยู่นิ่งได้อย่างไร ต้องออกไปดู จะต้องรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างไร" หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล กล่าว

ขณะที่อีกหนึ่งหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญฝ่ายฆราวาส ที่จัดการอบรมครั้งนี้ขึ้น

สุภชัย วีระภุชงค์ บอกว่า อยากจะเห็นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น ก็เลยเกิดการจัดการสัญจรครั้งนี้ขึ้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการอบรมพระธรรมทูต 4 รุ่นที่ผ่านมา ที่เห็นเป็นรูปธรรมก็คือ พระธรรมทูต รุ่น 1 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นแกนนำจัดธรรมยาตราเป็นประจำทุกปี เชิญญาติโยมมาฟังธรรม หรือทางภาคเหนือ พระธรรมทูตหลายรูปก็ทำโรงเรียนปริยัติธรรม และมีการลงนามเอ็มโอยูกับมหาวิทยาลัยเพื่อแลกเปลี่ยนทางวิชาการและอาสาสมัครจากมหาวิทยาลัยไปดูแลพระธรรมทูตที่ประเทศอินเดีย ระหว่างช่วงเข้าพรรษา

สำหรับหัวข้อการเสวนาให้ความรู้ที่จัดซึ่งชื่อ "พุทธพลิกโลก AEC เชื่อมการค้าพระพุทธศาสนาเชื่อมสุวรรณภูมิ"

สุภชัยบอกว่า ประเทศที่อยู่รอบๆ ประเทศไทยไม่มีประเทศไหนไว้ใจประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยมาก แล้วก็สงสัยว่าทำไมได้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก และทำประโยชน์อะไรให้กับชาวพุทธโลกหรือเปล่า ประเทศไทยทำการค้ากับเพื่อนบ้าน ที่ส่วนมากเป็นชาวพุทธด้วยกัน

เรื่องนี้ต้องอาศัยความจริงใจ พระพุทธศาสนาจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนด้วยกันเป็นอย่างดี

"เราต้องใช้พระพุทธศาสนาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ให้ชาวพุทธที่เป็นเพื่อนบ้านของประเทศไทยไว้เนื้อเชื่อใจ ตามนโยบายของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งศาสนาพุทธเท่านั้นที่จะช่วยได้" สุภชัยกล่าว

พระธรรมทูตเป็นพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาให้สืบทอดต่อไป

และการอบรมให้ความรู้ในครั้งนี้ก็เปรียบเสมือนกับการ "ติดอาวุธ" ให้พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลง ที่จะเกิดขึ้นของประชาคมอาเซียน



พระเมธีวรญาณ

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

"พระธรรมทูตต้องมีกำลังศรัทธา ซึ่งจะทำให้กำลังส่วนอื่นเกิดขึ้น และกล้าจะใช้กำลังธรรมะของพระพุทธเจ้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับประชาชนได้เข้าใจมากขึ้น พระธรรมทูตที่ได้เข้ารับการอบรม ซึ่งในฐานะพุทธบริษัท แม้ท่านเหล่านี้ไม่ได้เกิดที่ประเทศอินเดีย แต่ได้มีโอกาสวาสนาไปปฏิบัติธรรมที่สังเวชนียสถาน 4 แห่ง ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการเพิ่มศรัทธาให้ยิ่งๆ ขึ้น

"คนที่นับถือศาสนาไหนก็ตามที คนเหล่านั้นก็อยากย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของศาสนานั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร มีวิถีชีวิตเหมือนกับปรากฏในคัมภีร์ต่างๆ หรือเปล่า และจะได้ข้อมูลนำมาวิเคราะห์และไปอธิบายให้กับคนทั้งหลายได้รู้ได้เข้าใจต่อไป"

 



พระครูวรพงศ์ศณารักษ์

เจ้าคณะอำเภอเมืองพะเยา จ.พะเยา

"มางานนี้แล้วได้รับความรู้จากวิทยากรหลายคน รู้สึกมีคุณค่ามาก เมื่อได้ความรู้แล้วจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ยังไม่ลงตัวในการทำงาน เผยแผ่พระพุทธศาสนา การอบรมครั้งนี้มีประโยชน์กับพระธรรมทูต โดยส่วนตัวและส่วนรวมด้วย ถือว่าเป็นโครงการที่ดี มีทางโลกเข้ามาสนับสนุน และขอให้มีการจัดอบรมแบบนี้อีกต่อไป"

หน้า 20,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.