แห่พระรอบเมืองภูเก็ต เฉลิมฉลองเทศกาลกินเจ ศาลเจ้าใหญ่-ม้าทรงชายหญิงนับพันประกอบพิธีทรมานร่างกายในหลายรูปแบบ โดยเมินเฉยต่อคำร้องขอให้ยึดรูปแบบตามตำนาน...

วันที่ 21 ต.ค.55 เวลา 07.00 น. ซึ่งเป็นวันที่ 7 ของประเพณีถือศีลกินผักประจำปีของ จ.ภูเก็ต และเป็นวันที่ 6 ของการประกอบพิธี "อิ้วเก้ง" แห่พระรอบเมืองภูเก็ต หนึ่งในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ของแต่ละศาลเจ้า ที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานนับร้อยปี

โดยการใช้อาวุธหรือวัตถุมีคมนานาชนิด ทิ่มแทงทะลุกระพุ้งแก้มของเหล่าม้าทรงชายหญิง ที่ถูกเทพเจ้าที่ประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้า เลือกสรรมาทรมานร่างกายแทนพี่น้องชาวภูเก็ต เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคภัยไข้เจ็บแพร่ระบาดและต่อชะตาชีวิต

โดยศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบเก้ง ซ.ภูธร ถ.ระนอง อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่และมีเหล่าม้าทรงชายหญิงมากที่สุดกว่า 3,000 คนประกอบพิธีแห่พระรอบเมือง โดยมีม้าทรงชายหญิง-สาวประเภทสองและเด็ก ต่างใช้อาวุธหรือของมีคมที่อยู่นอกเหนือตำนาน ประเพณีถือศีลกินผัก ที่ยึดถือปฏิบัติเหมือนเช่นกับศาลเจ้าอื่นๆ ที่ประกอบพิธีแห่พระไปก่อนหน้านี้ เช่น ร่มชายหาด เรือใบไม้จำลอง ล้อแม็กซ์ ขวาน เป็นต้น โดยไม่สนใจคำเตือนของ สสจ.ภูเก็ต หรือชมรมอ๊ามภูเก็ต (ศาลเจ้า) ที่ขอความร่วมมือในการใช้อาวุธหรือวัตถุมีคมทิ่มแทงกระพุ้งแก้มหรือฟันตามร่างกายให้อยู่ในตำนานประเพณีหรือไม่เกินความเป็นจริงที่ร่างกายจะรับได้

โดยทั้งเหล่าม้าทรงชายหญิงและขบวนแห่ มีความยาวกว่า 2 กม. แห่ไปตามถนนกลางเมืองภูเก็ต ทำให้ต้องใช้เวลาประกอบพิธีกว่า 4 ชม. ขบวนถึงจะย้อนกลับไปยังศาลเจ้าได้ โดยมีห้างร้าน-บริษัทต่างๆ ได้ตั้งโต๊ะน้ำชา-ผลไม้ และจุดประทัดแพรับเทพเจ้าที่ผ่าน เพื่อสิริมงคลและเสริมบารมี ส่งผลให้เสียงประทัดดังกระหึ่มไปทั่วเมืองนานนับชั่วโมง

ขณะเดียวกันศาลเจ้ากิ๊มซืออ๋องเก้ง (บ้านดอน) ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ประกอบพิธีแห่พระภายในบ้านดอน บ้านเคียน บ้านสาคู บ้านในยางและบ้านเมืองใหม่ อ.ถลาง เช่นเดียวกัน นอกจากนี้แต่ละศาลเจ้า ยังมีการประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีอาบน้ำมัน พิธีโก้ยห่าน (พิธีสะเดาะห์เคราะห์) พิธีขึ้นบันไดมีด พิธีโก้ยโห้ย (พิธีลุยไฟ) เป็นต้น