ทุ่งมะขามหย่อง-ทุ่มภูเขาทอง...สมรภูมิรบไทย-พม่า ชาวกรุงเก่าพร้อมใจขนานนาม "ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ"
 


ทุ่งมะขามหย่อง-ทุ่มภูเขาทอง...สมรภูมิรบไทย-พม่า ชาวกรุงเก่าพร้อมใจขนานนาม "ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ"


ทุ่งมะขามหย่อง-ทุ่มภูเขาทอง...สมรภูมิรบไทย-พม่า ชาวกรุงเก่าพร้อมใจขนานนาม
ทุ่งมะขามหย่อง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรี อยุธยา มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็น สมรภูมิสู้รบระหว่างไทยกับพม่า หลายครั้ง เป็นที่ตั้งของ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่ออดีตทุ่งมะขามหย่องแห่งนี้เป็นบริเวณที่กองทัพไทยปะทะกับทัพพม่าในศึกที่ สมเด็จพระศรีสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้าง

ทุ่งมะขามหย่อง เป็นพื้นที่ตั้งของ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย เป็นโครงการจัดสร้างขึ้นตามพระราชดำริ รัฐบาลและพสกนิกรชาวไทยได้ร่วมกันสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2535 โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2534 และสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระศรีสุริโยทัยด้วย

ทุ่งมะขามหย่อง ตำบลบ้านใหม่ และทุ่งภูเขาทอง ตำบลลุมพลี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พื้นที่ทั้ง 2 แห่ง เป็นพื้นที่แก้มลิง เพื่อพสกนิกรชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก และในฤดูแล้งจะนำน้ำที่กักเก็บไว้ให้เกษตรกรได้ใช้ในการเพาะปลูก โดยสถานที่สำคัญทั้ง 2 แห่ง ยังบ่งบอกทางประวัติศาสตร์ของ “ทุ่งมะขามหย่อง” และ “ทุ่งภูเขาทอง” ที่ สมเด็จพระศรีสุริโยทัย และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยสู้รบกับพม่า นอกจากนี้ผืนแผ่นดินทั้ง 2 แห่งยังใช้เป็นที่กักเก็บน้ำ (แก้มลิง) ในฤดูน้ำหลากและในฤดูแล้งพสกนิกรสามารถใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่งนี้ จึงได้ตั้งชื่อผืนแผ่นดินทั้ง 2 แห่งนี้ว่า

“ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ” เพื่อถวายเป็นวาระสำคัญในการเสด็จฯมาตรวจเยี่ยมความพร้อมการรับมือป้องกันน้ำท่วมของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2536 นับว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งสองพระองค์เสด็จฯมาที่แปลงนาสาธิต ด้านทิศเหนือ ณ ทุ่งมะขามหย่อง เพื่อทรงเกี่ยวข้าวในแปลงนาสาธิต ในครั้งนั้นทั้งสองพระองค์ทรงงาน ได้มีพสกนิกรมาเฝ้าฯมากมายนับหมื่นจากทั่วสารทิศ และเป็นความปลาบปลื้มปีติของคนอยุธยาเป็นอย่างยิ่ง

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เปิดเผยถึงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งสองพระองค์มีหมายกำหนดการจะเสด็จพระราชดำเนินไปยังทุ่งมะขามหย่อง ตำบลบ้านใหม่ เป็นสถานที่ตั้งของพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย และที่สำคัญทั้งสองพระองค์เคยเสด็จฯ มาทรงเกี่ยวข้าว ณ แปลงนาสาธิตทุ่งมะขามหย่อง และหมายกำหนดการที่จะเสด็จฯมาในครั้งนี้ยังไม่ชัดเจนในระหว่างเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนจะเป็นวันใดนั้นอยู่ในพระราชวินิจฉัยของพระองค์ท่าน โดยได้ประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องถึงความพร้อมของสถานที่และเส้นทางเสด็จฯ พระองค์เสด็จฯมาติดตามการแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม และการเตรียมพร้อมในการแก้ปัญหาน้ำท่วมในปีต่อไป

สำหรับในเรื่องของความพร้อม ทางจังหวัดได้จัดเตรียมสถานที่ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ เนื่องจากพระองค์ท่านพระราชดำเนินจากที่ประทับโรงพยาบาลศิริราชเป็นครั้งแรก เสด็จฯพระราชดำเนินมายังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางจังหวัดได้จัดสร้างทางลาดพระบาทตลอดเส้นทางเสด็จฯ จากพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย มายังพลับพลาที่ประทับกลางน้ำ เพื่อชมการแสดงซึ่งทางจังหวัดเตรียมจัดการแสดงถวาย 3 ชุด ในรูปแบบ แสง สี เสียง รูปแบบวีดิทัศน์ในเรื่อง “ทุ่งมะขามหย่อง ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ” ซึ่งจะมีเกาะกลางน้ำเป็นฉากหลังอย่างสวยงาม ในฉากการแสดงถวายจะมีผู้แสดงรำถวายเดินบนผิวน้ำอย่างสวยงาม โดยการจัดสร้างเวทีกลางน้ำขนาด 34 เมตร คูณ 34 เมตร โดยจะใช้เสาเข็มตอกลงไปในน้ำประมาณ 700 ต้น ซึ่งอยู่ในระหว่างสำรวจพื้นที่ และยังมีจัดการแสดงร้องเพลงเรือ เพลงเกี่ยวข้าวถวาย ได้เตรียมเรือพายพื้นบ้านโบราณ จำนวนกว่า 30 ลำ แสดงถวาย นอกจากนั้นทั้งสองพระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียงอย่างล้นพ้น ได้เสด็จฯมาตรวจเยี่ยมดูความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม ทางจังหวัดได้จัดเตรียมการแสดงถวายให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญให้มากที่สุด ซึ่งพสกนิกรที่รู้ข่าวว่าทั้งสองพระองค์จะเสด็จมายังทุ่งมะขามหย่อง ต่างปลื้มปีติเฝ้าฯรับเสด็จเพื่อชื่นชมพระบารมี ส่วนสถานที่ บริเวณทุ่งมะขามหย่องนั้นเป็นสวนสาธารณะพื้นที่กว้างพอที่จะรองรับพสกนิกรที่จะมาชื่นชมพระบารมี

ขณะเดียวกันองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เตรียมพร้อมทางด้านสถานที่โดยตั้งนั่งร้านเพื่อทำความสะอาดองค์พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ภายในอนุสรณ์สถาน โดยคนงานได้ช่วยกันทำความสะอาดพระราชานุสาวรีย์ซึ่งเป็นเนื้อทองสำริด โดยเฉพาะช่วงฐานล่างเป็นกระจกสีทอง ต้องใช้น้ำมันก๊าดเช็ดเพื่อให้คราบต่าง ๆ ออก ส่วนโดยรอบมีการปลูกต้นไม้เสริม และประดับด้วยต้นไม้จำนวนมาก

สำหรับทุ่งมะขามหย่อง มีเนื้อที่ทั้งหมด 250 ไร่ ใช้เป็นอ่างเก็บน้ำ (แก้มลิง) จำนวน 180 ไร่ มีความจุน้ำได้ถึง 2,100,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้ในการป้องกันอุทกภัยที่จะเกิดในอนาคต และยังสามารถนำเอาน้ำที่กักเก็บไว้ไปใช้เพื่อเกษตรกรรมได้ในฤดูแล้งที่ต้องการใช้น้ำ ทุ่งมะขามหย่องยังเป็นสวนสาธารณะที่ประชาชนสามารถมาเที่ยวชมความสวยงามและเป็นที่พักผ่อนได้ คุณประโยชน์มีมหาศาล

นางสมรส ทองอ่อน อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 3 ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา ได้เปิดเผยเมื่อปี 2539 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯมาเกี่ยวข้าวที่บริเวณแปลงนาสาธิตทางทิศเหนือว่าตนพร้อมกับชาวนาจำนวน 30 คน ร่วมแสดงเพลงเกี่ยวข้าว และแสดงการฝัดข้าว การสีข้าว ถวายต่อหน้าพระพักตร์ รู้สึกปลาบปลื้มปีติเป็นอย่างมาก ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยถึงแม้จะแสดงกลางแดด ทุกวันนี้ยังจำท่ารำและลีลาได้ทุกท่าทาง จากวันนั้นถึงวันนี้ยังคงเก็บภาพถ่ายของทั้งสองพระองค์ที่ทรงมาเกี่ยวข้าวเอาไว้บูชาทุกวัน เมื่อทราบว่าทั้งสองพระองค์จะเสด็จฯอีกครั้งก็ดีใจมากที่จะได้รับเสด็จอีก.

เผอิญ ไทยสม / สุทธิพร กองสุทธิผล



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.