ชาวอุดรธานี ตื่น! แจ้ง ตร.มูลนิธิฯ ดำน้ำพิสูจน์ อ้าง คนหาปลาพบซากรถก้นสระ ลึก 13 ม.ท้ายสุดเป็นการเข้าใจผิด ไม่พบอย่างที่คนหาปลากล่าว ...
วันที่ 23 เม.ย. พ.ต.ท.พิทักษ์ วาปีทะ พงส.ชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง ว่ามีชาวบ้านมาหาปลาในสระน้ำ อยู่ท้ายซอยบุตรสมบัติ ชุมชนหนองตุ 2 ถนนนิตโย ต.หมากแข้ง เขตเทศบาล นครอุดรธานี พบวัตถุรูปร่างคล้ายรถยนต์ทั้งหมด 3 คัน จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย ร.ต.ท.วีระชัย ไกรวาปี รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน
ที่เกิดเหตุ พบนายบุญมี พงษ์ศักดิ์ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 244/1 ประธานชุมชนหนองตุ 2 และชาวบ้านในชุมชนที่ทราบข่าว ทยอยมายืนมุงดูอยู่บนฝั่งราว 100 คน ต่างพูดจาไถ่ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และที่ริมสระน้ำด้านทิศตะวันตก พบชาวบ้านมาทอดแหจับปลา อยู่ในสระน้ำมีเนื้อที่ราว 5-6 ไร่ ลึกมากกว่า 10 เมตร ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “สระแม็คโคร” เนื่องจากราว 20 ปีที่ผ่านมา เจ้าของที่ได้ขุดดินขายให้ผู้รับเหมา นำไปปรับพื้นที่ ก่อสร้างห้างแม็คโคร สาขาอุดรธานี ที่ตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนริมสระด้านทิศเหนือพบกันชนด้านหน้ารถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีขาว 1 ชุด และห่างจากสระน้ำ ประมาณ 30 เมตร ในทิศเดียวกัน พบชิ้นส่วนหลังคาไฟเบอร์รถปิกอัพ จำนวน 3 ชิ้น อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล เพราะมีประตูรั้วเหล็กเปิด-ปิด ทางเข้าและออกทางเดียว แต่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ตำรวจจึงถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นายบุญมี พงษ์ศักดิ์ ให้การว่า ในช่วงสายวานนี้ มีชายอายุราว 30 ปี จำนวน 2 คน ไม่ทราบชื่อจริง แต่ตนชอบเรียกว่า “ไอ้หำ” ยามพบหน้ากัน เป็นชาวชุมชน หนองตุ 1 และชอบมาทอดแหจับปลาในสระน้ำแห่งนี้ประจำ เพื่อนำปลาที่จับได้ไปทำกับข้าว แต่วันนี้โชคไม่ดีแหไปติดวัตถุใต้ก้นสระ จึงดำน้ำลงแก้ตาข่ายแห พบว่า มีวัตถุรูปร่าง คล้ายรถยนต์ จำนวน 2-3 คัน จึงได้มาบอกตน พร้อมกับยืนยันว่า จะพากันนำรถที่พบขึ้นมาให้ได้ในตอนช่วงเที่ยงวันรุ่งขึ้น คือ วันนี้
“แต่ตนไม่เชื่อและได้กล่าวว่า หากมีรถยนต์อยู่ก้นสระจริง ตนจะแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ เพราะมันผิดปกติ อย่าได้ทำมั่วหรือทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร ผิดถูกกฎหมายบ้านเมือง กระทั่งช่วงเที่ยงวันนี้ ตนกลับจากประชุมที่ สำนักงานเทศบาล นครอุดรธานี ไม่เห็นชายหาปลาทั้งสองโผล่มา คาดว่า น่าจะกลัวคำพูดที่ตนพูดตักเตือนไป จึงนำเรื่องไปปรึกษาคณะกรรมการชุมชน ก่อนตัดสินใจโทรศัพท์แจ้งตำรวจ มาตรวจสอบว่า มีซากรถยนต์จมอยู่ก้นสระน้ำแห่งนี้จริงหรือไม่”