(ภาพ: REUTERS)

สื่อเยอรมันเปิดเผยลำดับเหตุการณ์ การตกของเที่ยวบิน 4U 9525 ของสายการบิน เยอรมันวิงส์ ที่ตกบนเทือกเขาแอลป์ โดยอ้างว่าเป็นรายงานที่สรุปมาจากข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้ในกล่องดำซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าของการสืบสวนเหตุเครื่องบินแอร์บัส เอ320 เที่ยวบิน 4U 9525 ของสายการบิน เยอรมันวิงส์ ตกบนเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตยกลำ 150 คนเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา

การสืบสวนจนถึงขณะนี้โดยอาศัยข้อมูลที่บันทึกเอาไว้ในกล่องดำส่วนบันทึกเสียงในห้องนักบิน ทำให้เกิดสมมุติฐานว่า ผู้ช่วยนักบินชื่อ แอนเดรส ลูบิตซ์ วัย 28 ปี จงใจไม่ให้นักบินซึ่งออกจากห้องนักบินไปเข้าห้องน้ำกลับเข้าห้อง โดยมีเสียงนักบินพยายามทุบประตูและตะโกนเรียกนายลูบิตซ์ ก่อนที่ผู้ช่วยนักบินรายนี้จะบังคับเครื่องบินให้ลดระดับการบินลงจนชนกับเทือกเขาแอลป์

เสียงที่ถูกบันทึกในกล่องดำส่วนบันทึกเสียงในห้องนักบิน ยังไม่ได้รับการเปิดเผยออกมา แต่ล่าสุดหนังสือพิมพ์ บินด์ ของประเทศเยอรมนีได้เผยแพร่รายงานที่อ้างว่าจากข้อความเสียงความยาว 1 ชั่วโมงครึ่งที่ได้จากกล่องดำดังกล่าว ซึ่งสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นก็ได้เผยแพร่รายงานของบินด์ด้วย โดยเน้นย้ำว่าข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่

ทั้งนี้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ บินด์ ซึ่งแปลโดยซีเอ็นเอ็น ระบุว่า ก่อนเที่ยวบิน 4U 9525 จะขึ้นบินจากเมืองบาร์เซโลนา นายแพทริก ซอนเดินไฮเมอร์ กัปตันประจำเที่ยวบิน บอกกับ แอนเดรส ลูบิตซ์ ผู้ช่วยนักบิน ว่า เขาไม่ได้เข้าห้องน้ำที่บาร์เซโลนา ขณะที่ลูบิตซ์ตอบกลับไปว่า กัปตันสามารถไปเข้าห้องน้ำได้ทุกเวลา

เครื่องบินออกเดินทางช้ากว่าตารางเวลาราว 20 นาที โดยหลังจากที่เครื่องไต่สู่ระดับความสูงสำหรับการเดินทางปกติ (cruising altitude) นายซอนเดินไฮเมอร์ก็บอกกับนายลูบิตซ์ว่าให้เตรียมการนำเครื่องร่อนลงจอด และหลังจากลูบิตซ์เตรียมการเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย เขาก็บอกกับกัปตันว่าเขาสามารถไปห้องน้ำได้ทุกเวลา จากนั้นไม่นานก็มีเสียงนายซอนเดินไฮเมอร์พูดขึ้นมาว่า นายรับช่วงต่อเลยนะ ก่อนจะมีเสียงเก้าอี้เลื่อนไปด้านหลัง

ต่อมา ณ เวลา 10:29 น. เรดาร์ของศูนย์ควบคุมการเดินทางทางอากาศตรวจพบว่า ความสูงของเครื่องบินแอร์บัส เอ320-200 ลำนี้ เริ่มลดระดับลง และ 3 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อไปยังเครื่องบินหลังจากสัญญาณเตือนว่าลดระดับเร็วเกินไป (sink rate) แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ

จากนั้นจึงเริ่มมีเสียงทุบประตู และเสียงของนายซอนเดินไฮเมอร์ขอร้องให้นายลูบิตซ์เปิดประตูให้เขาเข้าไป ขณะที่ผู้โดยสารบางคนเริ่มกรีดร้อง อีก 3 นาทีต่อมาขณะเครื่องบินอยู่ที่ความสูง 7,000 ม. (ราว 23,000 ฟีต) ก็มีเสียงโลหะกระทบกันเสียงดัง และหลังจากผ่านไป 1 นาทีครี่งขณะเครื่องบินอยู่ที่ความสูง 5,000 ม. (ราว 15,000 ฟีต) ก็มีเสียงสัญญาณเตือนว่าอยู่ใกล้พื้นดินแล้ว ให้ดึงเครื่องขึ้น (Terrain -- pull up!) และมีเสียงกัปตันตะโกนว่า เปิดประตูเดี๋ยวนี้

ณ เวลา 10:38 น. ขณะเครื่องบินอยู่ที่ความสูง 4,000 ม. (ราว 13,000 ฟีต) ยังคงมีเสียงหายใจของนายลูบิตซ์ถูกบันทึกไว้ในกล่องดำ และอีก 2 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่สืบสวนก็ได้ยินเสียงที่เชื่อว่าเป็นเสียงปีกด้านขวาของเครื่องครูดกับยอดเขา ตามด้วยเสียงกรีดร้องในช่วงสุดท้ายของข้อมูลที่ถูกบันทึกในกล่องดำ

อนึ่ง ในด้านการสืบสวน เจ้าหน้าที่สืบสวนของเยอรมนีพบยาแก้โรคซึมเศร้าอยู่ภายในอพาร์ตเมนต์ของนายลูบิตซ์ ขณะที่หนังสือพิมพ์ ดี เวล์ท (Die Welt) ของเยอรมนี รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สืบสวนอาวุโสคนหนึ่งว่า นายลูบิตซ์มีอาการป่วยทางจิตขั้นรุนแรง คือ กลุ่มอาการเหนื่อยล้าทางใจขั้นรุนแรง (severe subjective burnout syndrome) และโรคซึมเศร้ารุนแรง และยาที่ตำรวจพบก็เป็นยาตามแพทย์สั่งเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว

ด้านนาย คริสตอฟ คุมปา อัยการประจำเมืองดุสเซลดอร์ฟ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนพบจดหมายในสภาพฉีกขาด ถูกทิ้งในถังขยะ ที่อพาร์ตเมนต์ของนายลูบิตซ์ โดยจดหมายระบุว่าลูบิตซ์ไม่เหมาะที่จะประกอบอาชีพที่เขาทำอยู่

ขณะที่ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นายลูบิตซ์ผ่านการทดสอบทางการแพทย์เพื่อการออกใบรับรองการเป็นนักบิน ซึ่งต้องทำเป็นประจำทุกปี เมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2014 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การทดสอบดังกล่าวไม่ได้ทดสอบไปถึงสุขภาพทางจิตด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ของสายการบินลุฟต์ฮันซา ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบิน เยอรมันวิงส์ ระบุว่า ไม่พบสัญญาณบ่งบอกว่านายลูบิตซ์เป็นโรคซึมเศร้าเลย และหากเขาไปพบแพทย์ด้วยตัวเอง เขาก็ต้องเป็นคนรายงานด้วยตัวเองหากคิดว่าไม่อยู่ในสภาพที่เหมาะสมจะขึ้นบิน