ส.อ.ท.มึนยอดขายรถยนต์ในประเทศ 2 เดือนแรกหลุดเป้า จับตางานมอเตอร์โชว์หากยอดจองต่ำกว่า 4 หมื่นคัน เตรียมลดเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 9.5 แสนคัน ขณะที่ยอดส่งออกอีโคคาร์พุ่งดันส่งออกเพิ่ม 12% โดยส่งออกตลาดอียูโตสวนกระแส 70% เมินถูกตัดจีเอสพี ส่วนตลาดอเมริกาเหนือโต 80%

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสภาวการณ์ผลิตรถยนต์ว่า กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ปีนี้อย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะมียอดการผลิตรวม 2.15 ล้านคัน สูงกว่าปีก่อนที่ผลิตได้ 1.88 ล้านคัน แบ่งเป็นการส่งออก 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน 1.12 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 6.9% ส่วนยอดขายในประเทศตั้งเป้าไว้ที่ 950,000 คัน สูงกว่าปีก่อนที่มีจำนวน 757,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 25.38%
สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.) ปรากฏว่าต่ำกว่าเป้าที่คาดไว้มาก มียอดรวม 123,669 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.8% เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวจากราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำ การลงทุนของภาครัฐและเอกชนยังชะลอตัว การเบิกจ่ายงบประมาณยังต่ำกว่าเป้าหมายมาก รวมทั้งสถาบันการเงินยังเข้มงวดในการให้สินเชื่อ “ขณะนี้ผู้ผลิตทุกค่ายต่างจับตาดูยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ ในเดือน มี.ค.นี้ หากมียอดจองเกิน 40,000 คัน คาดว่ายอดขายในประเทศจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 950,000 คัน แต่ถ้าต่ำกว่านี้ ก็จะพิจารณาปรับเป้าหมายอีกครั้ง”

ทั้งนี้ ตลาดส่งออก 2 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวน 200,613 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.58% มีมูลค่าส่งออก 88,710.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.25% เนื่องจากตลาดออสเตรเลียเริ่มดีขึ้น ตลาดยุโรปยังเติบโตดีจากการส่งออกรถอีโคคาร์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนตลาดอเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ยังคงเพิ่มขึ้น โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตลาดส่งออกที่เติบโตสูงสุดได้แก่ ตลาดอเมริกาเหนือขยายตัวสูงถึง 81.41% มียอดรวม 7,690 คัน เพิ่มขึ้น 3,451 คัน รองลงมาเป็นตลาดยุโรปขยายตัว 70% มีจำนวน 21,830 คัน หรือเพิ่มขึ้น 9,753 คัน ตลาดออสเตรเลียโต 23.82% มีจำนวน 45,776 คัน หรือเพิ่มขึ้น 8,808 คัน และอเมริกากลางและใต้โต 18.78% มีจำนวน 26,784 คัน เพิ่มขึ้น 4,235 คัน ขณะเดียวกันตลาดที่ยอดขายลดลง ได้แก่ ตลาดแอฟริกาและตลาดตะวันออกกลาง โดยทั้ง 2 ตลาดนี้ลดลงจากความไม่สงบในพื้นที่เศรษฐกิจตกต่ำ นอกจากนี้ยังพบว่า ตลาดเอเชียก็มียอดขายลดลง เพราะค่าเงินเยนอ่อนค่า เศรษฐกิจจีนซบเซา และตลาดอินโดนีเซียหันไปนำเข้าชิ้นส่วนจากไทยไปประกอบรถยนต์แทนการสั่งซื้อทั้งคัน

“แม้ไทยถูกสหภาพยุโรปตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ทำให้รถยนต์ต้องเสียภาษีเพิ่มจาก 6.5% เป็น 9% แต่กลับส่งออกได้เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากตลาดมีความต้องการรถยนต์อีโคคาร์สูงและบริษัทผลิตรถยนต์มียุทธศาสตร์การตลาดที่ดี ทำให้ยอดส่งออกรถยนต์นั่งไปยุโรปเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้นถึง 135% และก.พ. เพิ่มขึ้น 517% เมื่อเทียบกับปี 57 ขณะที่ตลาดอเมริกาเหนือยอดสั่งซื้อรถยนต์นั่งเดือน ม.ค.เพิ่ม 203% และ ก.พ. เพิ่มขึ้นอีก 42%”