เป็นลูกจ้างสอศ.กาฬสินธุ์เปิดปากรับสารภาพสิ้นไส้เร่งขยายผลโยงคนบงการ

กองปราบฯล็อกตัว ด.ต.คนสนิทของนายพลสีกากีมือปืนสังหาร “พระหมอ” มั่นใจมีหลักฐานมัดตัวแน่น ขณะที่ ผบ.ตร. สั่งเด้งผู้การอุดรธานี กับผู้การกองบังคับการฝึก ตชด.อดีตผู้การอุดรธานี ช่วยราชการ สตร.ขาดจากตำแหน่งเดิม เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า พร้อมกันนี้ผู้นำสีกากียืดอกยอมรับว่าคดีนี้มีตำรวจเกี่ยวข้อง แต่ยืนยันไม่มีการปกป้องคนนอกรีตอย่างเด็ดขาด พร้อมสั่งโอนคดีให้กองปราบฯดำเนินการแทนท้องที่

จากเหตุการณ์มือปืนใจบาปกระหน่ำยิงพระบัณฑิต สุปัณฑิโต หรือพระหมอ อายุ 48 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด หมู่ 15 บ้านโนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี จนมรณภาพอย่างอุกอาจเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่คดีไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และมีกระแสข่าวว่ามีนายตำรวจในพื้นที่สนิทสนมกับผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนบงการและเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ ภายหลัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่คลี่คลายคดีนั้น

ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 162/2558 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และข้อ 8 (1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 จึงมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังนี้

พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.58 เป็นต้นไปโดยขาดจากตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร.มอบหมายจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงและให้ไปรายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติภายในวันที่ 24 มี.ค.58 ก่อนเวลา 12.00 น.

วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร จ.อุดรธานี พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นประธานประชุมชุดคลี่คลายคดีสังหารพระหมอ โดยมีนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม อาทิ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ศยศ.ตร. พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.สยศ.ตร. พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.สมเกียรติ เกิดจงรักษ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.4 บก.ป. พ.ต.อ.ณัฐ นนท์ประชุม ผกก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี และชุดสืบสวนกองปราบ

พล.ต.ท.ปัญญาเผยว่า การที่ ผบ.ตร.สั่งให้ พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ไปประจำที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อไปรายงานข้อมูลข่าวสารการปฏิบัติงานให้ ผบ.ตร. ทราบ เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง อดีต ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ปัจจุบันสังกัด ตชด.เป็นผู้ที่มีข้อมูลรู้เรื่องดี หลังคำสั่งออกทั้งสองไปรายงานตัวต่อ ผบ.ตร.แล้ว ส่วนตำรวจบางส่วนที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานหรือทำให้การปฏิบัติงานในคดีนี้ไม่ราบรื่น กำลังพิจารณาว่าจะเอาไปช่วยสำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือกองปราบฯ

ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า คดีเริ่มคืบหน้า เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ที่เริ่มออกผลแล้ว ที่ผ่านมา ผบ.ตร.รับทราบปัญหามาตลอด พร้อมส่งชุดสืบสวนที่ตั้งขึ้นมาร่วมคลี่คลายคดี โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าชุด พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.สยศ.ตร. พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.สยศ.ตร. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.4 บก.ป.ร่วมอยู่ในชุดนี้ “ภายในไม่กี่วันคดีจะจบสิ้นลงและมีข้าราชการหลายส่วนเกี่ยวพันจำต้องโอนคดีให้กองปราบปรามรับดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประชาชนเกิดความมั่นใจ เพราะผู้เกี่ยวข้องในคดีมีทั้งข้าราชการและผู้จ้างวานเป็นผู้มีอิทธิพล” พล.ต.ท.ปัญญากล่าว

รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เพราะควบคุมการปฏิบัติงานไม่ได้ ปล่อยให้ข่าวรั่วไหลทำให้คดีไม่คืบ ส่วน พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง อดีต ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เคยมีสัมพันธ์แนบแน่นกับผู้ต้องสงสัยจ้างวานฆ่าพระหมอและมีตำรวจยศ ด.ต.คนสนิทเข้าไปพัวพันในคดี และเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา กองปราบฯได้เชิญตัวพยานปากสำคัญ 4 คน มีทั้งข้าราชการ และตำรวจยศ ด.ต.ผู้ต้องสงสัย เป็นมือปืนไปสอบเครียดที่ค่าย ตชด.24 แล้ว ผลการสอบสวนยังไม่เปิดเผยแต่ชุดสืบสวนกองปราบฯยืนยันมีพยานหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นอน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี กับ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.กฝ.ตชด.และอดีต ผบก.ภ.จ. อุดรธานี ว่าทั้งสองเป็นคนมีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์สูงและเป็นคนที่กว้างขวางในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีให้เข้ามาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.เพื่อเกิดประโยชน์ หาก ผบ.ตร.หรือผู้บังคับบัญชามอบหมายภารกิจพิเศษให้ทำ นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ ผบช.ก.และ รรท. ผบก.ป.ทำเรื่องเสนอขอโอนสำนวนการสอบสวนคดีนี้มาอยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบปราม หากคดีมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีนโยบายปกป้องตำรวจนอกรีต ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก ขอให้ประชาชนมั่นใจ ทีมสืบสวนพิเศษและชุดสืบสวนกองปราบปรามจะทำคดีอย่างจริงจัง ไม่มีปกป้องใครคนใดทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการย้าย ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ครั้งนี้เพื่อต้องการขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เพื่อให้ประชาชนสบายใจ ที่ผ่านมาปล่อยให้ตำรวจพื้นที่ทำคดีแต่ไม่คืบ ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย แถมยังมีการกลั่นแกล้ง ข่มขู่พยานและทำลายพยานหลักฐาน พอชุดสืบสวนพิเศษลงไปคดีกลับคืบหน้าไปมาก ในฐานะ ผบ.ตร.ยืดอกรับเลยว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องคดีนี้จริงและต้องรีบดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี กับ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.กองบังคับการฝึกพิเศษ บช.ตชด. ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วยังมีคำสั่งมอบหมายให้ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รรท.ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. ลงไปทำคดีพร้อมโอนคดีมาที่กองปราบฯเพื่อแสดงให้เห็นว่าตำรวจต้องการจะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ถึงแม้จะมีตำรวจเกี่ยวข้องด้วยก็ตาม

สำหรับคดีนี้ชุดสืบสวน บก.ป.นำโดย พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.4 บก.ป.พร้อมกำลังลงพื้นที่ร่วมสืบสวนกับชุดสืบสวนของท้องที่ตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นแล้ว โดยยังคงทำงานเกาะติดคดีมาโดยตลอดเลยทำให้ชุดสืบสวนกองปราบฯได้รับข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ส่วนประเด็นการสังหารยังคงมุ่งไปที่ปมเรื่องความเข้าใจผิดในเรื่องชู้สาว ด้านข้อมูลคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนมีสี ขณะที่อาวุธที่ใช้น่าจะเป็นอาวุธสงคราม อาจจะเป็นปืนเอ็ม 16 หรือปืนเอชเค 33

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ที่ผ่านมาชุดสืบสวนของกองปราบปรามได้ข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ซึ่งตามแนวทางการสืบสวนทราบถึงกลุ่มคนร้ายและตัวผู้บงการ เพียงแต่ว่ายังขาดหลักฐานสำคัญที่จะเชื่อมโยง ระหว่างกลุ่มมือปืนกับตัวผู้บงการ เนื่องจากว่าคดีนี้ทีมสังหารเชื่อว่าน่าจะเป็นคนในเครื่องแบบที่รู้ขั้นตอนการทำงานของตำรวจเป็นอย่างดี จนสามารถที่จะอุดร่องรอยต่างๆที่ทำให้การสืบสวนสาวไม่ถึงทีมสังหาร ทั้งการเปลี่ยนซิมโทรศัพท์ที่ใช้ในการสั่งการ การสับเปลี่ยนรถที่ใช้และปืนที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนตัวผู้บงการเป็นผู้กว้างขวางมีชื่อเสียงมีคนรู้จักมากมีลูกน้องทีมงานอยู่ทุกส่วนงาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชนที่คอยเป็นหูเป็นตาให้อีกด้วย

ต่อมาบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.เสกสรร ฤาเวทย์ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี ร.ต.อ.วิบูลย์ นนทะแสง รอง สว.สส. ร่วมกับ ร.อ.เอกพันธ์ ฑีฆสุนทร ผบ.ร้อย สห. กกล.รส.จ.อุดรธานี นำกำลังตำรวจทหารใช้กฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นโรงสีศิริญากร เลขที่ 351 หมู่ 1 ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี เพื่อค้นหารถกระบะมาสด้า บีที 50 สีขาว ที่ใช้ก่อเหตุยิงพระบัณฑิตโดยมีนายมานะ กาทอง อายุ 37 ปี เจ้าของโรงสีนำตรวจค้นแต่ไม่พบรถต้องสงสัยเลยขอนำกล่องบันทึกข้อมูลกล้องวงจรปิดไปตรวจสอบ ขณะที่นายมานะให้การว่าเคยมีชายฉกรรจ์ขับรถกระบะสีขาวมาฝากที่โกดัง 2-3 ครั้งในตอนกลางคืน เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวนายมานะไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ บก.ภ.จ.อุดรธานี กองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี ให้ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผช.ผบ.ตร.ทำการสอบสวน เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก

พล.ต.ท.ปัญญาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า จากการสอบสวนมีตำรวจ 1 นาย สังกัด กก.สส.ภ.จ.อุดรธานี เข้าไปเกี่ยวพันกับคดียิงพระหมอและได้เรียกตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จ.อุดรธานี มาสอบปากคำและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อรูปคดีหลายคนช่วยยืนยันในเรื่องราวต่างๆ ขณะนี้เริ่มชัดเจนแล้ว ขอเวลารวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าได้หลักฐานบางสิ่งบางอย่างมา ทุกอย่างจะกระจ่างเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานในเย็นวันเดียวกันอีกว่า พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ. 4 พร้อมกำลังชุดสืบสวนภาค 4 ได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นมือปืนในทีมลอบสังหารพระหมอบัณฑิตได้อีก 1 คน เป็นพลเรือนโดยตามไปจับกุมได้ที่ จ.กาฬสินธุ์ สอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่ารับจ้าง 50,000 บาท จากตำรวจยศ ด.ต.ให้ไปลงมือยิงพระหมอโดยมี ด.ต.คนดังกล่าวเป็นขับรถไปส่งและพาหลบหนี ขณะชุดสืบสวนอยู่ระหว่างนำตัวไปสอบขยายผลที่ บก.ภ.จ.อุดรธานี