สั่งทูตพาณิชย์รับบทพ่อค้าดันส่งออก
 


สั่งทูตพาณิชย์รับบทพ่อค้าดันส่งออก


สั่งทูตพาณิชย์รับบทพ่อค้าดันส่งออก
 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์  เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ ประจำสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในต่างประเทศ และผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ฯ ในภูมิภาคกว่า 60 แห่งทั่วโลกปรับเปลี่ยนบทบาทการทำงานเพื่อขับเคลื่อนการส่งออกไทยในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยให้ทำหน้าที่เหมือนกับนักธุรกิจหรือพ่อค้าในการส่งเสริมให้ผู้นำเข้าในประเทศนั้นๆเข้ามาซื้อสินค้าไทยมากขึ้น หรืออำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจไทยเข้าไปตลาดสินค้าในประเทศต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การส่งออกของกระทรวงพาณิชย์

                ขณะเดียวกันทูตพาณิชย์ก็จะต้องรายงานสถานการณ์ตลาดและเศรษฐกิจของประเทศที่ประจำอยู่ให้กระทรวงรับทราบทุก 3 เดือน รวมถึงกระทรวงก็จะมีการประเมินขีดความสามารถของทูตพาณิชย์ทุก 6 เดือนเช่นกัน หากรายใดไม่ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้กระทรวงก็จะเรียกตัวกลับมาทันทีเพื่อให้โอกาสบุคคลที่มีศักยภาพไปทำงานแทน

                ส่วนเป้าการส่งออกในปี 58 ที่กระทรวงตั้งไว้จะขยายตัว 4%  ทางกระทรวงจะพิจารณาหลังไตรมาสที่ 1 ของปีหรือหลังเดือนมี.ค. 58 ก่อนว่าสถานการณ์และแนวโน้มการส่งออกเป็นอย่างไร และมีการปรับหรือไม่ เบื้องต้นไม่อยากให้มีการปรับเป้าเพราะหากลดเป้าลงจะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กระตือรือร้น

                “ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการส่งออก จะต้องเน้นการเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์ เน้นการเจาะขยายตลาดใหม่ และขยายโอกาสทางการค้าอย่างสร้างสรรค์  โดยแบ่งกลุ่มตลาดออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอาเซียน, กลุ่มตลาดที่มีพัฒนาการเศรษฐกิจปานกลาง เช่น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย, กลุ่มตลาดที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจสูง เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และกลุ่มตลาดใหม่ เช่น แอฟริกา เพื่อกำหนดเป้าหมาย/กลยุทธ์ให้ชัดเจน”

                ขณะเดียวกันในเร็วๆนี้ทูตพาณิชย์หลายประเทศจะมีการนำนักธุรกิจประเทศนั้นๆเข้ามาเจาจรซื้อสินค้าจากประเทศไทย เช่น เกาหลีใต้เข้ามาเจรจาเพื่อซื้อผลไม้ระหว่างวันที่ 15-19 มี.ค. นี้, นักธุรกิจฮ่องกงจะเข้ามาซื้อทุเรียน เงาะ มังคุดระหว่างวันที่ 1-4 เม.ย. , นักธุรกิจตุรกีจะเดินทางมาวันที่ 17-21 มี.ค. เพื่อสั่งซื้อสินค้ายางพารา และในตลาดอาเซียนฯ  จะมีการนำคณะผู้แทนการค้าจากมาเลเซียมาเจรจาซื้อผลไม้ไทย ในช่วงวันที่ 2 เม.ย.นี้ เป็นต้น

                นายไผท สุขสมหมาย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้า ประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า    เศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่นชะลอตัว แต่การส่งออกไทยไปญี่ปุ่น ก็ยังมีโอกาสขยายตัวได้ 2% จากการที่รัฐบาลญี่ปุ่น ได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกคูปองเงินสดให้คนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น รวมทั้งญี่ปุ่นชะลอการนำเข้าจากจีน หันมานำเข้าจากไทย เวียดนาม และ มาเลเซีย มากขึ้น ซึ่งสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวคือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง สินค้าแฟชั่น และสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ 

                นายจักรินทร์ โกมลศิริ ผู้อำนวยการสำนักงายส่งเสริมการค้า ประจำกรุงพริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ กล่าวว่า ได้เป้าการส่งออกสำหรับตลาดแอฟริกาไว้ ว่าจะขยายตัวได้ 2%  เนื่องจากปัญหาโรคระบาดอีโบล่า ส่งผลตอความเชื่อมั่นของนักลงทุน ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง ทำให้รายได้ของแอฟริกาลดลง แต่ทั้งนี้ตลาดแอฟริกายังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี และกลุ่มเป้าหมายยังมีกำลังซื้ออยู่มาก เพราะประชากรส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาว 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.