นายอุดมศักดิ์  โรจน์วิบูลย์ชัย   ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสสายงานธุรกิจขนาดกลาง  ธนาคารกรุงไทย  เปิดเผยว่า กลุ่มที่ธนาคารยังต้องจับตาและระมัดระวังการให้สินเชื่อยังเป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แม้ว่าได้รับผลดีจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายแต่ปัจจุบันโครงการก่อสร้างมีค้างสต๊อกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมทำให้ธนาคารเลือกปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการโดยเน้นทำเลที่ตั้ง และประสบการณ์การทำธุรกิจของผู้ประกอบการเป็นหลักแต่ถ้าเป็นเส้นทางแนวรถไฟฟ้ายังให้สินเชื่อเหมือนเดิม แต่ถ้าอยู่นอกเส้นทางต้องดูปัจจัยอื่นประกอบการพิจารณาการให้สินเชื่อเพิ่มเติมด้วยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมจะปล่อยในบางพื้นที่เน้นแหล่งท่องเที่ยว เช่น  จ.กระบี่  จ.ภูเก็ตแต่ที่จ.เชียงใหม่ชะลอการให้สินเชื่อเนื่องจากโรงแรมมีมากเกินความต้องการของผู้บริโภคหรือโอเว่อร์ซัพพลาย ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลยังไม่กังวลเพราะตัวเลขปัจจุบันยังอยู่ระดับต่ำ

  

สำหรับตัวเลขการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีในช่วง2 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-ก.พ.) ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จากเดิมที่คาดว่ายอดสินเชื่ออยู่ที่เดือนละ 2,500 ล้านบาทเป็นผลมาจากกำลังซื้อในประเทศลดลงและเศรษฐกิจต่างประเทศที่ชะลอตัวทำให้ความต้องการสินเชื่อยังไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก  แต่ธนาคารเน้นขยายฐานปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายเล็กที่มีรายได้ต่ำกว่า100 ล้านบาทมากขึ้น เนื่องจากบางธุรกิจตลาดยังเติบโตดีเพื่อมาทดแทนสินเชื่อในกลุ่มที่ชะลอตัวลงโดยจะกระจายกลุ่มธุรกิจไม่ได้เจาะจงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

 

  นอกจากนี้เห็นว่าสินเชื่อรับเหมาก่อสร้าง  วัสดุก่อสร้างขยายตัวดี  เนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มที่จะเข้าประมูลงานโครงการภาครัฐและเอกชนแล้ว แต่ความต้องการใช้สินเชื่อจริงอาจเกิดขึ้นจริงไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3ของปีนี้  ส่วนไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนยังเป็นที่ต้องการของตลาดและมีการลงทุนสูง  ส่วนท่องเที่ยวชะลอตัวลงเนื่องจากประเทศรัสเซียมีปัญหาเศรษฐกิจทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้หายไปจากตลาด   อย่างไรก็ตามปีนี้ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้วที่ 30,000 ล้านบาท เติบโต6-7%