วันนี้(12 มี.ค.) ที่โรงเรียนไผทอุดมศึกษา พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุม ผู้บริหารโรงเรียนเอกชน ประจำปี 2558 โดยมีผู้บริหารโรงเรียนเอกชนทุกประเภทจากทั่วประเทศกว่า 1,000 คนเข้าร่วมการประชุม โดย พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวตอนหนึ่งว่า โรงเรียนเอกชนมีส่วนสำคัญที่เข้ามาแบ่งเบาการจัดการศึกษาของรัฐ และส่วนใหญ่สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ โดยที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าระบบการศึกษาไทยมีปัญหา เห็นได้จากการวัดผล ประเมินผลต่าง ๆ รวมถึงการประเมินผลระดับประเทศเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อบ้านแล้ว ไทยจะอยู่ในอันดับท้าย ๆ ซึ่งไม่เป็นที่น่าพอใจนัก ทั้งที่รัฐบาลได้ทุ่มงบฯให้ ศธ. มากที่สุด

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ระบบการศึกษาไทยมีปัญหา คือ การเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย ทำให้นโยบายเปลี่ยนไปด้วย ขาดความไม่ต่อเนื่องของนโยบายและการดำเนินการกำกับติดตาม รวมทั้งขาดการมองภาพแบบองค์รวม ดังนั้นการที่ตนมารับตำแหน่ง รมว.ศธ.ก็จะพยายามวางนโยบาย ยุทธศาสตร์การศึกษาระดับชาติไว้ เมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามาก็จะสามารถเดินตามนโยบายได้ทันที ส่วนการจัดการศึกษาเอกชน ศธ.ยินดีให้การสนับสนุน เพราะถ้าเอกชนเข้ามาช่วยจัดการศึกษามากเท่าไร ก็จะช่วยแบ่งเบารัฐได้มากเท่านั้น ดังนั้นต่อไปหากพื้นที่ใดที่โรงเรียนเอกชนจัดการศึกษาได้ดี มีคุณภาพ และผู้ปกครองให้การยอมรับภาครัฐก็พร้อมถอยออกมาจากพื้นที่ เพราะรัฐเองก็อยากให้เอกชนเข้ามาจัดการศึกษามากขึ้น แต่คงไม่สามารถกำหนดเป้าหมายว่าจะแบ่งสัดส่วนการจัดการศึกษาระหว่างภาครัฐและเอกชนอยู่ที่เท่าไร

ด้าน ดร.จิระพันธุ์ พิมพ์พันธุ์ ประธานสภาการศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะมีการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลโรงเรียน ขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งหากมีการจัดเก็บทั้งสองรายการนี้จริงโรงเรียนเอกชนจะได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะปัจจุบันโรงเรียนเอกชนก็ต้องเสียภาษีต่างๆ ตามกฎหมายอยู่แล้ว ทั้งภาษีโรงเรือน ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถ้าต้องมาเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกโรงเรียนก็ต้องแบกภาระเพิ่มขึ้น แต่ถ้าจะให้ผลักภาระไปให้ผู้ปกครองโดยการขึ้นค่าเทอมก็ทำไม่ได้ เพราะมีเพดานค่าเทอมคุมอยู่ ดังนั้นถ้าถึงที่สุดแล้วแบกรับภาระไม่ไหวจริง โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ในทำเลใจกลางเมือง ซึ่งที่ดินราคาแพง ก็อาจจะมีบางโรงเรียนถอดใจปิดกิจการก็ได้ นอกจากนี้อยากขอให้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ช่วยประกาศผลสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน เพราะหากครูโรงเรียนเอกชนสอบได้ ทางโรงเรียนจะได้มีเวลาหาครูมาทดแทน แต่หากประกาศหลังจากนั้น โรงเรียนเอกชนก็จะหาครูมาทดแทนไม่ทัน ทำให้มีปัญหากับการเรียนการสอน.