เมื่อวันที่ 12 มี.ค. พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังการประชุมประสานงานและติดตามสถานการณ์ด้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมี พล.ท.วุฒิ แสงจักร รอง ผอ. ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.3 กอ.รมน.) เป็นประธาน ร่วมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.), สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ด้านการก่อการร้ายและแนวโน้มสถานการณ์ความเคลื่อนไหวกลุ่มไอเอสนั้น ปัจจุบันยังไม่พบคนไทยเดินทางไปร่วมกับกลุ่มไอเอสในตะวันออกกลาง แต่มีความเป็นไปได้ที่อาจใช้ประเทศในภูมิภาคอาเซียนเป็นทางผ่าน รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้าออกจำนวนมาก ดังนั้นไทยจึงควรอาศัยความร่วมมือด้านความมั่นคงกับกลุ่มประเทศอาเซียน และการเฝ้าระวังการโน้มน้าวชักชวนในสังคมออนไลน์ พ.อ.บรรพต กล่าวต่อว่า ในส่วนของสถานการณ์ด้านการก่อการร้ายโดยทั่วไป ควรเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยงให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเทศกาลเดือน เม.ย.นี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มักจะผ่อนคลายความเข้มงวดให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง, การสังเกต, ชี้เบาะแส และช่วยกันแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า ด้านอาชญากรรมข้ามชาติ สำหรับเรื่องเกี่ยวกับการฟอกเงิน อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีพบว่ามีสถิติเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่ผ่านมา ได้แก่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งสกิมเมอร์ และแก๊งแบนดิออส ซึ่งมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนำเงินมาฟอก โดยการสร้างโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบ้านพักตากอากาศ เพื่อขายให้กับชาวต่างชาติ.
