เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่อาคารซิลลิค เฮ้าส์ ถนนสีลม นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานเปิดตัวหนังสือ "Dare To Do กล้าลุยไม่กลัวล้ม 12 เส้นทางความสำเร็จของ 12 ยอดนักธุรกิจแห่งยุค" ว่า ตนเองสนับสนุน พ.ร.บ.เก็บภาษีบ้านและที่ดิน เนื่องจากสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีฯ เคยร่างกฎหมายดังกล่าวมาแล้ว แต่ไม่ได้นำเข้าสู่สภา โดยรายได้จากภาษีทั้งหมดของรัฐบาลนั้นมาจากประชาชน หากไม่มีการเก็บภาษีบ้านและที่ดิน กลุ่มเศรษฐีก็ไม่ได้เสียภาษีนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากกลุ่มเศรษฐีเหล่านี้ร่ำรวยเพราะมีทรัพย์สินจำนวนมาก จึงเกิดการสะสมที่ดิน และไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้น ภาษีบ้านและที่ดิน ที่รัฐบาลจะผลักดันให้เกิดเป็นกฎหมาย ควรเน้นเก็บแก่ประชาชนที่ร่ำรวย และภาษีดังกล่าวควรเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้เกิดการใช้ที่ดินมากกว่า แต่จุดประสงค์ที่รัฐบาลชุดนี้ กล่าวอ้างว่าภาษีที่ดินจะเป็นช่องสร้างรายได้ให้รัฐบาล ตนเองมองว่า รัฐบาลไม่ได้มีความจำเป็นในการหารายได้จากภาษีนี้ เพราะรายได้ของรัฐบาลจากภาษีอื่นๆ ก็เพียงพอ ซึ่งหากไม่พอ ก็สามารถกู้ยืมได้ตามกฎหมาย จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มภาระ และสร้างความสับสนให้ประชาชนเพิ่มเติมอีก ซึ่งผู้มีส่วนรับผิดชอบในร่าง พ.ร.บ.ภาษีบ้านและที่ดิน ฉบับนี้ควรชี้แจงจุดประสงค์หลักให้ชัดเจน

นายกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีการเก็บภาษีบ้านและที่อยู่อาศัยจากประชาชนนั้น อาจทำให้เกิดคำถามตามมาต่อการประเมินมูลค่าบ้านในแต่ละหลัง รัฐบาลจึงควรเก็บตามอัตราตายตัวที่เหมาะสม เช่น บ้านมูลค่าต่ำกว่า 2 ล้าน อาจเก็บในอัตราตายตัวปีละ 500 บาท โดยการประเมินมูลค่าจากที่ดิน ไม่ใช่จากราคาตัวบ้าน พร้อมกำหนดอัตราเป็นช่วงๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งจะสร้างความเข้าใจประชาชนได้มากขึ้น ส่วนภาษีที่ดินที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ อยากให้มีการชำระภาษีแแบบเดิมไปก่อนเพื่อลดผลกระทบ ไม่ควรพยายามเปลี่ยนแปลงภาษีที่ดินพร้อมๆ กัน เพราะจะทำให้ประชาชนไม่ยอมรับ

อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง กล่าวต่อไปว่า การที่รัฐบาลประยุทธ์ ได้เสนอแก้กฎหมายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งจะมีการจำหน่ายสลากกินแบ่งด้วยเครื่อง หรือหวยออนไลน์ และการขายผ่านร้านสะดวกซื้อ โดยรัฐบาลอ้างว่าเพื่อทำให้เกิดสมดุล ไม่ให้รายย่อยจำหน่ายเกินราคานั้น รัฐบาลมาถูกทางในการสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ซื้อ แต่คิดว่ารัฐบาลควรใช้โอกาสนี้รื้อกฎหมายในการซื้อสลากกินแบ่งทั้งหมด โดยการให้ประชาชนซื้อผ่านตู้และสามารถเลือกเบอร์ได้ นั่นหมายความว่ารัฐบาลควรจะยกเลิกโควต้า และเปลี่ยนมาซื้อโดยตรงจากรัฐ ทั้งนี้กฎหมายที่รัฐบาลเสนอแก้นั้น จะเป็นการแก้ไขปัญหาการซื้อขายเกินราคาได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ กรณีการจัดตั้งกองทุนซื้อเลขไม่สวย จะเป็นเพียงการแก้ปัญหาปลายเหตุ แสดงให้เห็นว่ารัฐกำลังจะบอกว่าหากไม่มีคนรับเหมาโควต้าจะทำให้เกิดสลากที่ขายไม่ออก จึงควรยกเลิกระบบโควต้าเปลี่ยนเป็นการซื้อขายตรงเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรมกับผู้บริโภค..