น่าสงสาร หญิงวัย 49 ปี ชาวจังหวัดชัยนาท รับภาระเลี้ยงลูกป่วยเป็นโรคออทิสติกเพียงลำพัง ซ้ำยังต้องฝืนใจขังลูกในไส้ไว้ใต้ถุนบ้าน เพื่อออกไปรับจ้างตัดอ้อย หาเงินมาจุนเจือเลี้ยงปากท้อง วอนผู้ใจบุญให้การช่วยเหลือ...
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2558 เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ม.13 ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ว่ามีแม่เลี้ยงลูกวัย 10 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกเพียงลำพัง ซึ่งทุกๆ วันจะต้องออกจากบ้านไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเองและลูก มีความจำเป็นต้องขังลูกไว้ใต้ถุนบ้านที่สูงประมาณ 1 เมตร ไว้เพียงลำพัง
ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 169 ม.13 ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว มุงสังกะสี สภาพผุพังมีช่องโหว่ทั้งผนังและหลังคาบ้าน ส่วนใต้ถุนยกขึ้นสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร เจ้าของบ้านชื่อ นางเฉลา ยิ้มจันทร์ อายุ 48 ปี อาศัยอยู่กับลูกชายวัย 10 ขวบ ชื่อ ด.ช.ธีรภัทร พันธ์ผง หรือ น้องเจมส์ ซึ่งป่วยเป็นโรคออทิสติก และโรคลมชักมาตั้งแต่อายุ 8 เดือน ต้องพาไปรักษาตัวที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรุงเทพฯ อยู่เป็นประจำ แต่ด้วยเพราะมีอาชีพรับจ้างตัดอ้อย และรับจ้างทั่วไป ทำให้ได้เงินมาวันละ 100-200 บาท โดยเงินที่หามาได้นั้นแค่นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็แทบจะไม่เหลือเก็บ พอถึงเวลาที่หมอนัดตรวจรักษา น้องเจมส์ ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน มาเพื่อที่จะพา น้องเจมส์ ไปรักษาตามที่หมอนัด แต่ระยะหลังมานี้ มีหนี้สินรอบด้าน ทำให้ไม่สามารถพา น้องเจมส์ ไปรักษาได้ตามเวลาที่หมอนัด บางครั้งต้องผลัดเวลาการตรวจที่หมอนัดเป็นเดือนๆ กว่าจะหาเงินพา น้องเจมส์ ไปรักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีได้
ด้าน นางเฉลา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวพร้อมน้ำตาว่า ในทุกๆ เช้าก่อนที่ตนออกมาทำงานรับจ้างนั้น ต้องทำความสะอาดใต้ถุนบ้านเเละเตรียมข้าวให้น้องเจมส์ทาน จากนั้นต้องจำใจขังน้องเจมส์ไว้ภายในใต้ถุนบ้าน และล็อกประตูไว้ โดยให้น้องเจมส์นอนเล่นอยู่บนเปล มีที่นอนกับพัดลม หากน้องเจมส์ง่วงนอนก็จะนอนและเปิด-ปิด พัดลมเองได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยเกิดเหตุการณ์ที่น้องเจมส์เดินออกไปนอกบ้าน ไม่สามารถกลับบ้านเองได้ เดินไปตกคูน้ำบ้าง เดินไปถูกรถเฉี่ยวชนบ้าง
"ด้วยความเป็นแม่ที่ห่วงลูกยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง จึงขังน้องเจมส์ไว้ ส่วนในช่วงเที่ยงจะกลับมาป้อนข้าว หานม หาขนม ให้น้องเจมส์ทาน แล้วในช่วงบ่ายก็กลับไปทำงานปกติ แต่ในบางครั้งหากติดงานไม่สามารถกลับมาดูแล น้องเจมส์ ทัน ก็จะฝากเพื่อนบ้านคอยดูแลแทน สำหรับในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือนั้น มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือแล้ว แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับค่ารักษาและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน"