เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถ.กำแพงเพชร นายสุภัทร อยู่ถนอม อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีนายชิเกตะ มิตซูโตกิ ชาวญี่ปุ่นและผู้ที่รับเป็นแม่อุ้มบุญชาวไทย ยื่นฟ้องผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นจำเลยเรื่องละเมิด ว่า ขณะนี้ยังสงสัยในข้อกฎหมายว่าอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลเยาวชนฯหรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องทางปกครองมากกว่า แต่เนื่องจาก พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2546 ระบุว่าในกรณีฟ้องกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ว่าให้อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนฯ ศาลจึงรับไว้พิจารณา แต่ก็ยังไม่มีคำสั่งใดๆ โดยเบื้องต้นพบว่ามีชาวญี่ปุ่นและผู้ที่รับเป็นแม่อุ้มบุญชาวไทยฟ้องร้องประมาณ 4-5 คดี ส่วนกรณีคดีที่ชาวญี่ปุ่นยื่นคำร้องขอรับรองเป็นบุตรโดยชอบธรรมนั้น ศาลเยาวชนฯ ได้มีคำสั่งอนุญาตไปแล้ว 3 ราย เนื่องจากการไต่สวนไม่พบว่าเป็นการแสวหาประโยชน์จากการค้ามนุษย์ จึงได้อนุญาตไปตามข้อเท็จจริง แต่พอมีกระแสข่าวทำนองว่าเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ ศาลจึงต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยดูจากประโยชน์สูงสุดที่เด็กจะได้รับและความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นสำคัญ ที่ต้องการนำเด็กไปเลี้ยงดูจริงๆ แต่ถ้าหากไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่ศาลก็ไม่อนุญาต โดยที่ผ่านมามีชาวต่างชาติยื่นคำร้องเข้ามาประมาณ 20 กว่าเรื่อง ล่าสุดศาลก็ได้อนุญาตให้รับเด็กเป็นบุตรไปบ้างแต่ไม่มากนัก
"คดีที่ฟ้องเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ว่า นำเด็กทารกที่เกิดจากการอุ้มบุญไปเลี้ยงดูที่สถานสงเคราะห์ แต่ไม่ส่งเด็กคืนให้แก่พ่อชาวญี่ปุ่นทำให้ได้รับความเสียหายนั้น แต่ดูๆ จากข้อกฎหมายแล้วไม่น่าเป็นข้อหาละเมิด แต่เป็นเรื่องการกระทำตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าลักษณะการกระทำทางปกครอง น่าจะเป็นคดีทางปกครองมากกว่า ขณะที่ทางฝ่ายกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ก็ยังไม่ได้ยื่นคำให้การเข้ามายังศาล และยังไม่ได้มีการประสานอัยการเพื่อแต่งตั้งเป็นทนายความแก้ต่างคดีให้ เลยยังไม่รู้ว่าจะต่อสู้คดีกันอย่างไร และศาลก็ยังไม่มีคำสั่งอะไร โดยขณะนี้มีคดีที่ฟ้องกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ต่อศาลเยาวชน ฯ 4 - 5 คดี โดยทุกเรื่องยังอยู่ในกระบวนพิจารณาของศาล" นายสุภัทร กล่าวตอนท้าย