"โตโยต้า"แนะซื้อก่อนราคาเปลี่ยน ปิกอัพแข่งเดือด-ภาษีใหม่กระทบบางรุ่นแพงขึ้น
 


"โตโยต้า"แนะซื้อก่อนราคาเปลี่ยน ปิกอัพแข่งเดือด-ภาษีใหม่กระทบบางรุ่นแพงขึ้น



"โตโยต้า" ชี้ปี"58 อุตฯยานยนต์มีความหวัง ลูกค้ารีบช็อปก่อนภาษีใหม่เริ่ม ย้ำตลาดปิกอัพแข่งเดือด คาดฐานตลาดกลับไปแตะระดับ 1.2 ล้านคันได้แน่ในอีก 2-3 ปี มั่นใจอีโคคาร์เฟส 2 ช่วยดันไทยปั๊มยอดผลิตถึง 3 ล้านคันต่อปี

นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ที่รับผิดชอบดูแลโตโยต้า ในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (ซีแอลเอ็มวี) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2558 ว่า จะเป็นปีที่ตลาดรถยนต์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังผลกระทบโครงการรถคันแรกคลี่คลาย ปัญหาด้านการเมืองที่มีทิศทางดีขึ้น และแนวโน้มการเลือกตั้ง ประกอบกับเศรษฐกิจฟื้นตัว ราคาน้ำมันลดลง ตัวเลขจีดีพีคาดว่าอยู่ที่ 3-4% การผลักดันตลาดส่งออกของภาครัฐราคาพืชผลทางการเกษตร รวมไปถึงการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายปีนี้ ทำให้ตลาดน่าจะมียอดขายรวม 9.2 แสนคัน เติบโตจากปีก่อนหน้า 4.3%

แต่ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะทำให้เห็นการเติบโตได้ชัดเจนคือ การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ในปี 2559 ที่จะมีผลให้ราคาของรถยนต์บางเซ็กเมนต์ปรับเพิ่มขึ้นหรือปรับลดลง ซึ่งสำหรับบางเซ็กเมนต์ที่ราคาจะปรับขึ้นนั้น มีผลให้ลูกค้ารีบตัดสินใจซื้อรถยนต์เร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงปลายปีได้ซึ่งภาพของการแข่งขันในตลาดนั้น คาดว่าความเข้มข้นของการแข่งขันด้านแคมเปญและโปรโมชั่นจะเบาบางลง เนื่องจากแคมเปญเพื่อระบายสต๊อกหมดลงไปแล้ว โดยกลุ่มตลาดที่จะมีความคึกคักคือตลาดรถปิกอัพที่ในปี 2557 ที่ผ่านมามีรถใหม่เปิดตัวหลายรุ่น ส่วนในปีนี้โตโยต้าก็เตรียมจะเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่เช่นกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนตลาดรถยนต์นั่งนั้นน่าจะมีการแข่งขันในบางเซ็กเมนต์เท่านั้น

ทั้งนี้ โตโยต้าได้ประเมินตลาดรถยนต์ประเทศไทยระยะยาวไว้ว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2553-2557 มียอดขายเฉลี่ยที่ 1.1 ล้านคันต่อปี โดยปีที่ยอดขายสูงที่สุดคือปี 2555 ยอดขาย 1.43 ล้านคัน ซึ่งเป็นปีที่มีโครงการรถคันแรก ซึ่งประเทศไทยมีโอกาสที่จะกลับไปมียอดขายระดับมากกว่า 1.2 ล้านคันได้ในเวลา 2-3 ปีนับจากนี้ เนื่องจากจะมีโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ออกมา ที่ช่วยทำให้ขยายตลาดกลุ่มผู้ที่จะซื้อรถยนต์คันแรก ประกอบกับมีการซื้อรถยนต์ทดแทนรถเก่า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารถยนต์คันแรกที่อาจจะเริ่มมีการเปลี่ยนรถใหม่ด้วย

ขณะที่รัฐบาลไทยก็ต้องการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้มียอดผลิตที่ 3 ล้านคันต่อปี ซึ่งบริษัทมองว่าจะต้องผลักดันสัดส่วนยอดขายในประเทศให้เติบโตขึ้นไปอยู่ระดับ 1.5 ล้านคันต่อปี และตลาดส่งออกอีก 1.5 ล้านคันต่อปี จึงจะทำยอดผลิตจำนวน 3 ล้านคันได้ ซึ่งหากพิจารณาอัตราการถือครองรถยนต์ของประชากรไทยแล้วมีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากแม้ในกรุงเทพฯจะมีอัตราถือครอง 2 คนต่อ 1 คัน แต่ขณะที่ในต่างจังหวัดยังมีอัตราถือครองเพียง 10 คนต่อ 1 คันเท่านั้น มีโอกาสที่จะขยายสัดส่วนตลาดต่างจังหวัดให้มีการถือครองที่ 1-5 คนต่อ 1 คันก็เป็นไปได้

และยังมีอีกประเด็นสำคัญ คือการที่นายกรัฐมนตรีจะเดินหน้าเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่น ในด้านการผลักดันท่าเรือน้ำลึกทวายที่ไทยจะร่วมมือกับญี่ปุ่น ซึ่งจะมีประโยชน์คืออินเดียจะสามารถส่งสินค้า หรือชิ้นส่วนยานยนต์ทดแทนเข้ามาง่ายขึ้น หรือแม้กระทั่งการร่วมกันพัฒนาอุตฯยานยนต์ให้พม่า ซึ่งแรงงานพม่ามีราคาถูกก็สามารถผลักดันให้พม่าผลิตชิ้นส่วนราคาถูกป้อนตลาดไทยได้

สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2557 อยู่ที่ 881,832 คัน ลดลง 33.7% โดยโตโยต้ามียอดขายรวม 327,027 คัน ลดลง 26.6% ส่งออกในปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 425,730 คัน ลดลง 1.0% คิดเป็นมูลค่า 196,139 ล้านบาท การส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 69,565.07 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยเป็นเงินทั้งสิ้น 265,704.07 ล้านบาท  ส่วนในปีนี้คาดว่าตัวเลขส่งออกจะเป็น 390,000 คัน

นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทแม่ไว้วางใจให้โตโยต้าประเทศไทยตั้งสำนักงานเขตภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อดูแลการทำตลาดในเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา และรวมถึงผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปตลาดดังกล่าวด้วย


 

(ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ)



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.