แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางมาไทยในครั้งนี้ ก็เพื่อยืนยันว่า สหรัฐฯต้องการให้เกิดประชาธิปไตยขึ้นในประเทศไทย และการพบกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลไทยนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า สหรัฐฯจะเห็นด้วยกับการดำเนินการหรือเข้าข้างรัฐบาลไทย จุดยืนของรัฐบาลสหรัฐก็ยังคงเป็นเช่นเดิม คือต้องการเห็นประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด อีกทั้งต้องการดูแลในเรื่องของสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้การดำเนินการใด ๆ นั้นเห็นว่า องค์กรต่าง ๆ ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรม ถึงจะเกิดความมั่นคงในองค์กร"ทางสหรัฐฯระบุชัดเจนว่า องค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการทุกอย่างให้เป็นที่ยอมรับ ต้องมีความเป็นกลาง ไม่เช่นนั้นองค์กรนั้น ๆ ก็จะขาดความน่าเช่อถือและไม่เป็นที่ยอมรับ อีกทั้งกระบวนการการปฏิรูป หรือแม้แต่การร่างรัฐธรรมนูญ จะต้องให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม ต้องไม่เป็นการสั่งตรงมาจากเบื้องบน กระบวนการต่าง ๆ จะต้องเกิดขึ้นอย่างอิสระ ประชาชนจึงจะมีความมั่นใจในองค์กรที่เกี่ยวข้อง ประเทศชาติถึงจะเดินต่อไปได้ ทั้งนี้ทางสหรัฐฯไม่ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความเห็นในเรื่องการถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ผู้แทนสหรัฐฯยืนยันในความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯว่า มีความมั่นคงยาวนานมา 180 ปี และจะยังคงดำรงต่อไป"แหล่งข่าวกล่าวแหล่งข่าว เปิดเผยอีกว่า ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ขอบคุณผู้แทนรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้เกียรติมาพบ และได้ใช้โอกาสนี้ยืนยันว่า เรื่องการถอดถอนนั้นเป็นมติของสนช. ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือความยุติธรรมและความเป็นธรรม การดำเนินการต่าง ๆ จะต้องไม่ใช่เรื่องของการกลั่นแกล้ง ถ้าการลงมติหรือการดำเนินคดีของตนเองเป็นเช่นนี้ ในส่วนของคดีอื่น ๆ ก็ควรต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคดีของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา หรือรัฐบาลอื่น ๆ ที่เคยเกิดขึ้น อย่างคดีที่เกิดในปี 2553 ทั้งคดีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ก็ควรต้องมีความคืบหน้า หรืออย่างน้อยก็ต้องมีขั้นตอนของกระบวนการบ้าง แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่า การดำเนินการกับพรรคเพื่อไทย และน.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงฝ่ายเดียว อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ไม่ได้ปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม เพียงแต่กระบวนการยุติธรรมต้องมีความโปร่งใสและเท่าเทียม.
