หน่วยคอมมานโดฟิลิปปินส์ กำลังขนย้ายศพของพวกพ้องที่เสียชีวิตในการต่อสู้กับกลุ่มกบฏในภาคใต้ (ภาพ: AFP PHOTO)

เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยคอมมานโดของประเทศฟิลิปปินส์ต่อสู้อย่างรุนแรงกับ สมาชิกกลุ่มกบฏมุสลิมในภาคใต้ของประเทศตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 43 ราย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ว่าการต่อสู้ที่เมืองมามาซาปาโน ในจังหวัด มากินดาเนา ทางใต้ของประเทศเมื่อวันอาทิตย์ (25 ม.ค.) ฝ่ายที่สูญเสียมากกว่าคือฝ่ายรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (SAF) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ถูกสังหารถึง 37 นาย ขณะที่นักรบติดอาวุธเสียชีวิต 11 รายและบาดเจ็บอีก 11 คน

ขณะที่ตำรวจและฝ่ายกบฏยืนยันตรงกันว่า สมาชิกของกลุ่มกบฏ แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (MILF) ซึ่งรัฐบาลเพิ่งลงนามสัญญาสันติภาพไปเมื่อต้นปีก่อน และกลุ่มกบฏ นักรบเสรีภาพอิสลามบังซาโมโร (BIFF) ที่ไม่มีการทำข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ มีส่วนร่วมในการต่อสู้เมื่อวันอาทิตย์ด้วย

ทั้งนี้ นางมิเรียม โคโรเนล-เฟร์เรอร์ ประธานคณะกรรมการของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบกระบวนการสันติภาพกับกลุ่มติดอาวุธมุสลิม ระบุผ่านแถลงการณ์ในวันจันทร์ (26 ม.ค.) ว่า การต่อสู่เมื่อวันอาทิตย์เกิดขึ้นระหว่างที่หน่วยคอมมานโดกำลังตามล่าตัวนาย ซัลกิฟลิ บิน ไฮร์ หรือรู้จักในชื่อ มาร์วัน หัวหน้ากลุ่มติดอาวุธ เจมาห์ อิสลามิยาห์ (JI) และเป็นนักทำระเบิดที่มีค่าหัวถึง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเชื่อว่าเขากบดานในภาคใต้ของฟิลิปปินส์มาตั้งแต่ปี 2003

นางมิเรียมระบุอีกว่า เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปเก็บศพเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ยังอยู่ในพื้นที่ โดยเธอรู้สึกเสียใจที่กลุ่มติดอาวุธกลุ่มอื่นต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการนี้ และจนถึงขณะนี้การต่อสู้ยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะ แต่พวกเธอตั้งในจะทำให้สถานการณ์เป็นปกติโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

อนึ่ง รัฐบาลฟิลิปปินส์ลงนามข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่ม MILF ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศเมื่อเดือนมี.ค. 2014 โดยข้อตกลงนี้จะมอบสิทธิ์การปกครองตนเอง, อำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มายิ่งขึ้นให้แก่กลุ่ม MILF แลกกับพวกเขาต้องยอมวางอาวุธ และยุติการก่อการกำเริบที่ดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษ