เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นายเจษฎ์ โทณะวณิก คณะกรรมาธิการ (กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าว มีผลให้เว้นวรรคทางการเมืองทันทีเป็นเวลา 5 ปี ตามมาตรา 270 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ที่ให้ สนช.ปฏิบัติหน้าวุฒิสภา และเชื่อมกับ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานการพิจารณาครั้งนี้ และไม่ได้มีผลย้อนหลัง แต่เนื่องจากลักษณะการกระทำของอดีตนายกฯ ยังไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาตัดสิน โดยกรณีอย่างนี้เมื่อ ป.ป.ช.ส่งเรื่องมาแล้วในภาวะปกติ ที่ไม่อยู่ในช่วงรัฐประหาร วุฒิสภาต้องทำหน้าที่นี้ แต่อาจถอดถอนได้ยาก เพราะเสียงที่จะถอดถอนอาจไม่เพียงพอนายเจษฎ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสำนวนที่อัยการสูงสุด มีมติส่งฟ้องคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ก็เชื่อว่าจะไม่สามารถเดินแหวกไปจากสำนวนของ ป.ป.ช.ได้ โดยได้อธิบายในสภาฯ แล้วว่าการปฏิบัติหน้าที่ของอดีตนายกฯ ขัดต่อบทบัญญัติกฎหมายอย่างไร ขั้นตอนจากนี้ต้องอยู่ที่ศาลฎีกาฯ คือศาลสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรม แต่หากอัยการสูงสุด ส่งสำนวนไม่ครบถ้วน ศาลฎีกาฯสามารถเรียกมาไต่สวนให้หาข้อมูลมาเพิ่มได้ เชื่อว่าศาลคงมีกระบวนการพิจาณาอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นประเด็นที่สังคมคาดหวัง "สิ่งที่น่าห่วงคือจุดยืนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ประกาศสู้ทุกทาง ซึ่งคงเห็นว่าในช่วงนี้การเคลื่อนไหวมวลชนทำไม่ได้ อาจไปใช้ช่องทางให้สื่อต่างชาตินำเสนอเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือกระบวนการศาล เหมือนที่เคยทำมาต่อเนื่อง พร้อมกับดูการร่างรัฐธรรมนูญว่าไปตามไล่ล่าเขาแค่ไหน และใช้วิธีการมาโจมตีรัฐธรรมนูญ สุดท้ายทำอย่างไรให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว และกลับมาได้เป็นรัฐบาลเพื่อมาแก้รัฐธรรมนูญปี 58 อีกครั้ง"นายเจษฎ์ กล่าว และว่า ในช่วง 1-2 ปีนี้ คนไทยอาจจะยังไม่เปลี่ยน คนไทยจะเลือกคนที่เคยเลือก และมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่พรรคเพื่อไทย จะได้กลับเข้ามา เพราะพรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นรัฐบาลมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ มาแล้ว บ้านเมืองก็ไม่ได้ดีขึ้น ซึ่งผมมองว่าทิศทางการเมืองจะเริ่มเข้าสู่วิกฤติครั้งใหม่"นายเจษฎ์ กล่าว.
