เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 12 มกราคม ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจที่สมาชิกสนช.หลายคนให้สัมภาษณ์กรณีการพิจารณาคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นความรู้สึกและความเห็นส่วนตัว เพราะเมื่อเข้าสู่กระบวนการสมาชิก จะแสดงความเห็นที่อคติหรือเข้าข้างบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ได้ และขอยืนยันว่าสนช.ไม่ได้รับคำสั่งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือผู้มีอำนาจ จะมายุ่งเกี่ยวกับดุลยพินิจสนช.ในการดำเนินการถอดถอน โดยความสัมพันธ์ระหว่างสนช.และคสช.เป็นไปตามโรดแมปเพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมายเท่านั้น ไม่ใช่การมาคอยรับคำสั่งใดๆ เพราะไม่อยากให้เกิดแรงกดดันว่าการลงมติจะออกมาเป็นแบบไหนนายพรเพชร กล่าวถึงขั้นตอนการถอดถอนว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการซักถามคู่กรณี ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และนายนิคม ที่จะต้องมาตอบคำถามต่อกรรมาธิการซักถาม ส่วนคู่กรณีจะต้องมาตอบคำถามด้วยตัวเองหรือไม่ ได้เคยแจ้งในหลักการกับคู่กรณีไว้แล้วว่า ถ้าใครมาแถลงเปิดคดีแล้วก็ควรมาตอบคำถามเอง หากมาแถลงเปิดคดีเองแต่ไม่ยอมมาตอบคำถามตามหลักการถือว่าไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ หากบุคคลนั้นไม่มาตอบคำถามเองก็เป็นเรื่องของเขา แต่คิดดูเองว่าจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในสิ่งที่พูดว่า บริสุทธิ์หรือมีความผิดอย่างไร และยังขัดต่อความรู้สึก หลักการของกฎหมาย และลักษณะพยาน ซึ่งมีผลต่อความน่าเชื่อ ส่วนวันแถลงปิดคดีคู่กรณีจะมาหรือไม่มาก็ได้ ให้โอกาสทั้งสองฝ่าย แต่ในทางปฏิบัติส่วนใหญ่จะมากัน ทั้งนี้ กำหนดวันลงมติในวันที่ 23 มกราคมนี้เป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้น ต้องรอดูว่าจะมีอุปสรรคอะไรหรือไม่“ถ้าเอามือปืนรับจ้างมาตอบแทนจะมีความน่าเชื่อถือได้อย่างไร จะมาทำไมใครจะอยากฟัง จะไปรู้เรื่องอะไร และไม่มีความน่าเชื่อถือ” นายพรเพชร กล่าวผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะให้อดีตรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวมาตอบแทน ได้หรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า เอาเข้ามาได้ หากเรื่องใดที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่แน่ใจก็อาจจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตอบแทน แต่ต้องขออนุญาตตนก่อนว่าจะอนุญาตหรือไม่ โดยส่วนตัวเห็นว่า แนวคำถามในคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ป.ป.ช.กล่าวหาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว เกิดการทุจริต และความเสียหายแก่ประเทศ ก็คงถามป.ป.ช.ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยับยั้งอย่างไร มีหลักฐานใดชี้ชัดว่าไม่มีการยับยั้ง ส่วนคำถามที่จะถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะถามว่าการที่ระบุว่าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น แล้วตัวเลขขาดทุนมาได้อย่างไร ซึ่งเป็นเพียงการยกตัวอย่าง แต่ทั้งนี้ จะถามนอกเหนือประเด็นที่กล่าวหาไมได้ และเมื่อคู่กรณีตอบไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสนช.ว่าจะพิจารณาอย่างไร