ราคาน้ำมันดิ่งเก๋งเล็กหลบไป เอสยูวี-รถสปอร์ต ขอแจ้งเกิด
 


ราคาน้ำมันดิ่งเก๋งเล็กหลบไป เอสยูวี-รถสปอร์ต ขอแจ้งเกิด


ราคาน้ำมันดิ่งเก๋งเล็กหลบไป เอสยูวี-รถสปอร์ต ขอแจ้งเกิด

จากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดโลกที่ราคาน้ำมันลดลงอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันในสหรัฐอยู่ที่ราว 2 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปี 2556 ถึง 15% ส่งผลทันทีต่อความต้องการรถยนต์ของผู้บริโภคในปี 2558

ไมเคิล ไซวัค ผู้อำนวยการฝ่ายการขนส่งเพื่อความยั่งยืน มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ผู้บริโภคมีการปรับพฤติกรรมที่เร็วมาก เมื่อราคาน้ำมันลดลงแล้ว ความต้องการรถยนต์เอสยูวีได้รับความนิยมสูงกว่ารถยนต์นั่งขนาดเล็กอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ค่ายรถยนต์กังวลในเวลานี้ไม่ใช่แค่เพียงการผลิตรถยนต์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้นแต่ต้องตอบสนองความต้องการของภาครัฐที่ออกกฎเกณฑ์มาตรฐานยานยนต์ที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในด้านอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

โดยเฉพาะในสหรัฐที่มีมาตรการเข้มงวดให้ภายในปี 2568 รถยนต์จะต้องมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 54.5 ไมล์ต่อแกลลอน ซึ่งเทรนด์ของการเลือกใช้รถยนต์ประหยัดพลังงาน อาทิ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก อีโคคาร์ รถที่ใช้พลังงานทางเลือกของผู้บริโภคเริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้น เมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น แต่เมื่อราคาน้ำมันลดลงทำให้ผู้บริโภคมองหารถที่อยากได้

จริง ๆ แม้จะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าโดยก่อนหน้านี้รัฐบาลหลายประเทศให้การสนับสนุนรถยนต์ไฮบริดเป็นอย่างมาก ทั้งการสนับสนุนการผลิตและการให้อินเซนทีฟแก่ผู้บริโภคที่จะซื้อรถไฮบริด ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เริ่มมองเห็นช่องทางการทำตลาดที่ได้ผลประโยชน์สูงสุด นั่นคือการผลิตรถในเซ็กเมนต์ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้า และพัฒนาเครื่องยนต์ที่จะติดตั้งเป็นเทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากภาครัฐ จึงเกิดรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นเอสยูวี หรือรถสปอร์ต แต่ใส่เครื่องยนต์ไฮบริดมากขึ้น

เห็นได้จากรถรุ่นใหม่ ๆ อาทิ รถเอสยูวีจากปอร์เช่ รุ่นคาเยนน์ ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ไฮบริด หรือรุ่น ปอร์เช่ พาเนเมร่า เอสอี ไฮบริด ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูก็มีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดในหลายรุ่นหลักที่ทำตลาดอยู่ รวมถึงรุ่นยอดนิยมอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์เอสยูวีไฮบริดโมเดล 2015 ที่จ่อเปิดตัวในตลาดโลกอีกมากมาย อาทิ เลกซัส อาร์เอ็กซ์ ไฮบริด เลกซัส เอ็นเอ็กซ์ ไฮบริด โตโยต้าไฮแลนเดอร์ ไฮบริด โฟล์คสวาเกน

ทัวร์เร็ก ไฮบริด ซูบารุ เอ็กซ์วี ครอสเท็กซ์ ไฮบริด และนิสสัน พาธไฟเดอร์ ไฮบริด ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ปีนี้ตลาดรถเอสยูวีและรถไฮบริดมีความคึกคักมากขึ้น และผู้ผลิตเองก็ต้องปรับแผนการผลิตการทำตลาดให้สอดคล้องกับสภาวะการแข่งขันที่มีปัจจัยหลากหลายและมีความท้าทายยิ่งขึ้นในปี2558 นี้