ปรับสมดุลชีวิต เปลี่ยนความถี่สมอง ด้วย ′ชี่กง′
 


ปรับสมดุลชีวิต เปลี่ยนความถี่สมอง ด้วย ′ชี่กง′


 ปรับสมดุลชีวิต เปลี่ยนความถี่สมอง ด้วย ′ชี่กง′


ปรับสมดุลชีวิต เปลี่ยนความถี่สมอง ด้วย ′ชี่กง′
คอลัมน์ 360องศากับแพทย์ทางเลือก

http://www.matichon.co.th/online/2015/01/14208779491420877959l.jpg

วิธีการปรับสมดุลชีวิต ที่สำคัญอย่างมากอีกวิธีหนึ่งคือการปรับสมดุลของจิตใจ ซึ่งนอกจากการอยู่กับธรรมชาติ เช่น สายลม แสงแดด การทำกิจกรรมที่ชอบแล้ว เรายังสามารถสร้างสมดุลด้วยการปรับความถี่คลื่นสมอง ซึ่งในปัจจุบันวิธีการนี้ได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์แล้วว่ามนุษย์สามารถทำได้

การปรับคลื่นสมองสำคัญอย่างไร?

คนทั่วไปในเวลาปกติ จะส่งคลื่นเบต้าออกมาซึ่งมีความถี่ประมาณ 21 รอบต่อวินาที แต่หากรู้สึกโกรธ เกลียด อิจฉา ตื่นเต้น ฯลฯ คลื่นสมองจะมีความถี่สูงขึ้นทันที ซึ่งจะทำให้เรามีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง มีความตึงเคลียดสูง มีสมาธิน้อยลง และความสามารถในการเรียนรู้ต่ำลง รวมทั้งภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายลดลง ฯลฯ เหตุนี้ การปรับคลื่นสมอง หรือทำให้ร่างกายผ่อนคลายจึงมีความจำเป็น

อย่างไรก็ตาม การปรับภาวะคลื่นสมองนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องทำเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย หรือเป็นทุกข์ทางใจเท่านั้น เพราะเราสามารถทำได้ในภาวะปกติ ซึ่งจะช่วยในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการเรียนรู้ การรับข้อมูลในปริมาณมากที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังทำให้มนุษย์ธรรมดา มีประสิทธิภาพในการทำงานหรือการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการปรับคลื่นความถี่สมองนั้น เราสามารถฝึกได้หลายวิธี เช่น การฝึกบำบัดจิตใจและสมองด้วย "เสียง" โดยเฉพาะคลื่นเสียงบำบัดสมองชนิดไบนอราลบีต (Binaural beats หรือ Binaural tones) ซึ่งสามารถเหนี่ยวนำคลื่นสมองให้อยู่ในระดับ 10 - 15 Hz ซึ่งเป็นความถี่ที่พบได้ในขณะที่มนุษย์รู้สึกถึงความสงบมีสมาธิ โดยมีงานวิจัยหลายฉบับในต่างประเทศสนับสนุนผลของการใช้คลื่นเสียงเพื่อช่วยปรับสภาวะของจิตใจ ลดความเครียด ความวิตกกังวล พัฒนาความจำ ลดอาการ และอาการนอนไม่หลับ เป็นต้น

นอกจากคลื่นเสียงแล้ว เราอาจจะเคยได้ยินในเรื่องการปรับความคลื่นความถี่สมองด้วย "สมาธิ" ซึ่งมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต รวมทั้งการทำงานในทุกสาขาอาชีพ การแพทย์ในสมัยปัจจุบัน มีการใช้เครื่องวัดคลื่นสมองมาตรวจวัดเวลานั่งสมาธิ ซึ่งปรากฏว่าลักษณะคลื่นแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ ในชีวิตประจำวัน

หากเราใช้ความคิดและปฏิบัติงานตามปกติ สมองจะปรากฏคลื่น BETA หรือในระดับความถี่ 14 -30 รอบ / วินาที) แสดงว่าเวลานี้ไม่ใช่อยู่ในภาวะนิ่ง จึงไม่รู้สึกสัมผัสสนามพลังแม่เหล็ก

แต่เมื่อเราค่อยๆ ผ่อนคลายเข้าสู่ภาวะนิ่ง สมองจะปรากฏคลื่น Alpha หรือในระดับความถี่ 8-13 รอบ / วินาที) และเมื่อสมองปรากฏ คลื่นความถี่ 10 -13 รอบ / วินาที เราจะสัมผัสได้ถึงสนามพลังแม่เหล็กอ่อนๆ เมื่อสมองปรากฏ คลื่นความถี่ 8 - 9 รอบ/วินาที ผู้ฝึกจะสามารถสัมผัสสนามพลังแม่เหล็กชัดเจนและรุนแรง รวมทั้งจะเห็นแสงสว่างหรือรูปภาพ

การเปลี่ยนความถี่คลื่นสมองและเปลี่ยนสนามแม่เหล็กจึงมีความสำคัญ เพราะเมื่อสมองปรากฏคลื่น Alpha หรือ Theta สมองใหญ่จะหลั่งฮอร์โมนที่มีประโยชน์ออกมา เช่น Endorphin เป็นต้น การเกิดฮอร์โมนชนิดนี้ สามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกมีความสุข กระตือรือร้น รวมทั้งเพิ่มภูมิป้องกันโรคและบำบัดโรคภัยไข้เจ็บของร่างกายให้หายเองได้ ซึ่งตรงกับแนวคิดปรัชญาคนโบราณที่เชื่อว่า "ชี่" เป็นจุลวัตถุเล็กที่สุดที่เป็นส่วนประกอบของวัตถุสสารทั้งหลายทั้งมวลของจักรวาล ในการแพทย์ตะวันออกในตำราอี้จิง และตำราแพทย์หวงตี้เน่ยจิง ตำราแพทย์จีนเก่าแก่ รวมทั้งวิชาโยคะของอินเดียที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน ล้วนยอมรับแหล่งกำเนิดแก่นสารชีวิตมนุษย์นั้นคือสมรรถนะของชี่ จำนวนมหาศาลที่สะสมอยู่ในคลังร่างกายมนุษย์ ที่น้อยนักที่มนุษย์จะค้นพบ

และอีกวิธีหนึ่งที่เราสามารถเปลี่ยนความถี่สมอง และเปลี่ยนความถี่สนามแม่เหล็กได้ ก็คือการฝึก "ชี่กง" และด้วยการส่งพลังไปที่จุดกึ่งกลางของสมอง หรือ จุด "ไป่ฮุ่ย" เพื่อให้จักระทั้ง 7 เปิด และเมื่อ 7 จักระเปิดแล้ว จะทำให้คลื่นความถี่สมองเปลี่ยนทันที

รวมทั้งทำให้ตาที่สามเปิด ผู้ฝึกชี่กง หรือผู้ที่ได้รับพลังจะเห็นแสง สัมผัสได้ถึงพลังงานเคลื่อนไหวในร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตามการฝึกชี่กงระดับสูงหรือการนั่งสมาธิลึกจำเป็นต้องมีอาจารย์ที่รู้จริงคอยแนะอย่างถูกต้อง ส่วนใครที่สนใจ "ชี่กง" สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-2637-0121-2 หรือ www.qigongthai.com




// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.