รายงานข่าวจากรัฐสภาแจ้งว่า สำหรับการลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภานั้น เมื่อประเมินจากจำนวนเสียงที่สมาชิกสนช.เคยลงมติรับสำนวนถอดถอนการถอดถอนอดีต 2 ประธานไว้พิจารณา ด้วยคะแนน ด้วยคะแนนเพียง 87 ต่อ 75 เสียง งดออกเสียง 15 เสียง จึงเชื่อว่าเสียงจาก สมาชิก สนช.ไม่น่าจะเพียงพอสำหรับการถอดถอนที่ต้องใช้ 3 ใน 5 หรือ 132 เสียง ทั้ง 2 สำนวน โดยสมาชิกสนช.ส่วนใหญ่ที่อยู่ในสายทหารและข้าราชการต่างมองว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ถูกยกเลิกไปแล้วจึงไม่สามารถลงมติถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคมได้
ขณะที่สำนวนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สนช.ส่วนใหญ่ ก็มองว่าข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.ยังไม่มีความชัดเจน เพราะ ป.ป.ช.เองก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า บุคคลใดที่ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวบ้าง อีกทั้งสำนักงานอัยการก็ยังไม่ส่งสำนวนฟ้องต่อศาลศาลอาญาและก็ยังไม่ชัดเจนว่าที่สุดแล้วจะมีการส่งฟ้องหรือไม่
ทั้งนี้ จากการให้สัมภาษ์ของพล.อ.ประยุทธ์ ต่อกรณีถอดถอนว่า ให้เป็นเรื่องตามกฎหมาย ทำให้ สนช.กลุ่มอดีต 40 ส.ว.และ นักวิชาการบางส่วน มองว่า คสช. ไม่ได้ส่งสัญญาณมาว่า ต้องถอดถอนหรือไม่ จึงยังมีความพยายามที่จะเดินสายล็อบบี้ให้ สนช.สายทหารส่วนใหญ่กลับมาเห็นด้วยกับพวกตน เพื่อลงมติถอดถอนในทุกสำนวน หลังจากที่เคยทำเสร็จมาแล้ว จากการพยายยามอภิปรายโน้มน้าวสมาชิกสายทหารในการประชุมลับเพื่อให้ลงมติรับสำนวนถอดถอนไว้พิจารณาก่อนหน้านี้