คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน โดย การ์ตอง มติชน 4 มกราคม 2558ถ้าเอาความรู้สึกจับความเป็นไปของประเทศไทยเราในช่วงปีที่ผ่านมา ต้องถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนอยู่หัวแถวสุดของผู้มีอิทธิพลต่อความคิดของคนส่วนใหญ่หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ตามด้วยการใช้อำนาจอย่างเข้มข้นของกองทัพเพื่อหยุดความขัดแย้ง บทบาทของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต่อมาควบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีดำเนินไปอย่างโดดเด่นทำให้ประชาชนเห็นทั้งสาระการนำประเทศและสีสันทางการเมือง แทบจะเรียกได้ว่า "น้องคนสุดท้องแห่ง 3 ผู้นำบูรพาพยัคฆ์" ผู้นี้ควบคุมไว้แทบทุกซีนสำคัญ จากวันยึดอำนาจจนถึงวันข้าม พ.ศ.จนกระทั่งปลายเดือนธันวาคมนั่นดอก จึงมีบางเรื่องราวที่ก่อความรู้สึกว่าผู้มีอิทธิพลต่อทิศทางการเมืองของประเทศน่าจะมีโฟกัสอื่นนอกจากที่ "หัวหน้า คสช." อยู่ด้วยเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม 2557 ใกล้สิ้นปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี นำคณะกระทรวงกลาโหมพร้อมผู้นำเหล่าทัพ เข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์เพื่ออวยพรและขอพรจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์หลังจาก "พล.อ.เปรม" กล่าวคำอวยพรโดยเน้นย้ำให้เกิดภาพความน่ารักน่าเอ็นดูของ "นายกฯลุงตู่"พล.อ.เปรมได้ขอบคุณนายกฯลุงตู่และแสดงความความภาคภูมิใจที่นายกฯลุงตู่ได้ยึดอำนาจ ว่าเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่เพื่อตอบแทนบ้านเมืองพร้อมทั้งเปิดเผยต่อหน้าว่าได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนายกฯลุงตู่ว่า "เมื่อเราออกมาแล้ว คงถอยไม่ได้ จะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างกล้าหาญ" พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่า "นายกรัฐมนตรีไม่มีเกษียณ"หลังจากการทำนายทิศทางการเมืองที่เคยเชื่อว่า "คสช.จะเร่งให้มีการเลือกตั้งทั่วไป คืนประชาธิปไตยให้ประชาชน" เปลี่ยนไปทันทีพล.อ.เปรมได้ชี้ให้เห็นทิศทางใหม่แล้วเป็นการชี้ให้คนทั่วไปนึกถึงเรื่องราวเมื่อบ่ายวันที่ 14 มีนาคม 2557 ที่ค่ายกฤษณ์สีวะรา ที่สกลนคร ในพิธีเปิดอนุสาวรีย์ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา ซึ่ง พล.อ.เปรมในฐานะประธานในพิธีชี้ไปที่ฐานของอนุสาวรีย์ ซึ่งมีข้อความว่า "ทหารเรายืนอยู่บนเกียรติอันสูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา" และกล่าวสั้นๆ กับผู้เข้าร่วมพิธีว่า "ตรงจุดนี้น่าจะให้ ผบ.ทบ.มาอ่านดูบ้างนะ"ซึ่งวันรุ่งขึ้นสื่อมวลชนทุกแขนงได้นำเสนอคำพูดนี้เป็นข่าวใหญ่อย่างกว้างขวางซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ ผบ.ทบ.ในขณะนั้น และเป็นผู้ยืนกรานมาตลอดว่าจะไม่ทำปฏิวัติรัฐประหารย่อมต้องได้ยิน ได้รับรู้หลังจากนั้นไม่นานการรัฐประหารก็เกิดขึ้นมาถึงครั้งนี้ ท่ามกลางความเชื่อว่ารัฐบาล คสช.คงเข้ามาแค่จัดระเบียบทางการเมือง แต่เมื่อ พล.อ.เปรมบอกอย่างรักใคร่เอ็นดูโดยตรงต่อ "นายกฯลุงตู่" ถึงความภาคภูมิใจในความกล้าหาญ และชี้ให้เห็นว่า "นายกรัฐมนตรีไม่มีเกษียณ" หรือ "ออกมาแล้วอย่าได้ถอย"การประเมินทิศทางการเมืองจึงต้องคิดกันใหม่เป็นการคิดในปัจจัยที่นอกเหนือกว่า "นายกฯลุงตู่" อันแสนน่าเอ็นดูในการนำเสนอฉายาให้โดย พล.อ.เปรม