รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาหดตัวที่ 0.4% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักจากราคายางพาราที่หดตัวต่อเนื่อง การส่งออกรถยนต์ที่ขยายตัวได้ต่ำกว่าคาดจากการส่งออกไปยังตลาดหลัก เช่น อินโดนีเซียและออสเตรเลีย ส่วนตลาดรอง เช่น ตะวันออกกลางก็ปรับตัวลดลง ประกอบกับปีหน้าเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจากอุปสงค์ในประเทศ รวมทั้งไทยจะถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลากลจากสหภาพยุโรปในทุกหมวดสินค้า คาดว่าจะเป็นแรงกดดันต่อส่งออกไทยในปี 58 "กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าการส่งออกไทยเดือนพ.ย.อยู่ที่ 18,567.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว 1 % นำเข้าอยู่ที่ 18,645.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว 3.5% ส่งผลให้ไทยกลับมาขาดดุลการค้าที่ 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากส่งออกอาหารทะเลแปรรูป และคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบที่ลดลง โดยมูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องหดตัวลง 18.3% โดยตลาดยุโรป ลดลงกว่า 59% ด้านการส่งออกคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบหดตัว 2.4% นอกจากนี้ตลาดส่งออกฮ่องกงลดลง 15.2% และ จีนที่หดตัว 22.4%"สำหรับ ราคาน้ำมันโลกที่หดตัวต่อเนื่องยังกดดันมูลค่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของไทยซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 4% ของการส่งออกทั้งหมดให้ลดลงกว่า 34% และกระทบต่อความต้องการรถยนต์และส่วนประกอบในตลาดตะวันออกกลาง โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบของไทยไปยังตลาดตะวันออกกลางลดลงถึง 29.5% ซึ่งเมื่อรวมกับการส่งออกยางพาราที่ยังหดตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนพ.ย.หดตัวถึง 43.0% จากราคายางโลกที่ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว เป็นผลให้การส่งออกไทยเดือนพ.ย.หดตัว 1%