รายงานข่าวจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาแจ้งว่า จากกรณีข่าวเงินกองกลางของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จำนวน 3,000ล้านบาท และถูกยักยอกหายไปจากบัญชีถึง1,600 ล้านบาทและมีอดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยาเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ขั้นตอนการทำธุรกรรมทางการเงินทั้งการฝากและการถอนเงินของเจ้าหน้าที่ธนาคารที่รับผิดชอบดูแลลูกค้าเป็นไปตามระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และกฏหมายฟอกเงินของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือปปง. ทั้งนี้ตามฏกหมายการฟอกเงิน ถ้าลูกค้ามีการฝากถอนเงินสด 2 ล้านบาทขึ้นไปต้องกรอกแบบรายการเพื่อแจ้งปปง. ส่วนธุรกรรมเกี่ยวกับสินเชื่อ ทั้งจำนอง ไถ่ถอน การซื้อทรัพย์สินรอการขาย(เอ็นพีเอ) 5 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงการทำธุรกรรมเกี่ยวกับระบบอิเลคทรอนิกส์ เช่น โอนเงินฝ่านเอทีเอ็ม อินเทอร์เน็ต หรือเคาน์เตอร์ 100,000 บาทขึ้นไป และการโอนเงินระหว่างบัญชีต่อบัญชี 700,000 บาทต้องแจ้งปปง. นอกจากนี้หากลูกค้ามีการเปิดบัญชีผิดปกติ เช่น มีการเปิดบัญชีหลายบัญชีแม้จำนวนเงินไม่มาก หรือนำบัญชีโพสต์ผ่านอินเทอร์เน็ตถี่มากเกินไป เช่น กรณีหลอกลวงซื้อสินค้าจะต้องแจ้งปปง.เช่นกัน ส่วนระเบียบของธปท.นั้น ระบุว่า การทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตรา 50,000 บาทขึ้นไปต้องแจ้งธปท. สำหรับกระบวนการสรรหาและว่าจ้างบุคลากรของธนาคารกำหนดให้มีการตรวจสอบประวัติกับสถานที่ทำงานเดิมรวมถึงประวัติอาชญากรรมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในกรณีของอดีตพนักงานดังกล่าว การตรวจไม่พบมีประวัติเสียหายหรือความผิดปกติ พร้อมทั้งได้กำหนดระยะเวลาทดลองงานไม่น้อยกว่า 90 วัน ก่อนที่จะบรรจุเป็นพนักงานประจำซึ่งเป็นมาตรฐานในการจ้างงานของทุกองค์กรรวมถึงอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์