สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในการให้สัมภาษณ์รายการ "สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน"ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ที่มีการบันทึกเทปล่วงหน้าเมื่อคืนวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงกรณีการแฮกระบบคอมพิวเตอร์ของ โซนี่ พิคเจอร์ส ค่ายหนังยักษ์ใหญ่โดยกลุ่มแฮกเกอร์เมื่อเร็วๆนี้ที่เชื่อว่ามีเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังว่า ไม่ได้เป็นการทำสงครามอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีผู้นำสหรัฐแย้มพรายว่ากำลังพิจารณาที่จะให้เกาหลีเหนือกลับเข้าอยู่ในบัญชีประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายอีก

 โอบามากล่าวว่า ตนไม่คิดว่านี่เป็นการทำสงคราม แต่เห็นว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินที่ร้ายแรงและทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ซึ่งเรากำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยโอบามายังให้คำมั่นว่าจะตอบโต้อย่างเหมาะสม แต่ไม่มีการเจาะจงเป็นการเฉพาะ เพียงแต่กล่าวว่าจะมีการทบทวนสถานะของเกาหลีเหนือว่าควรกลับไปอยู่ในรายชื่อกลุ่มประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายหรือไม่ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้หลุดพ้นจากบัญชีหมายหัวดังกล่าวของสหรัฐไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

 "เรามีบรรทัดฐานที่ชัดเจนต่อรัฐที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย เราไม่พิจารณาโดยตั้งอยู่บนสิ่งที่ปรากฎเป็นข่าว แต่เราประเมินดูทั้งระบบในสิ่งที่เกิดขึ้นและบนฐานของข้อเท็จจริง" โอบามากล่าว
 ท่าทีและความเห็นของผู้นำสหรัฐมีขึ้นท่ามกลางการออกมาเรียกร้องล่าสุดของสมาชิกพรรครีพับลิกันที่ให้ตอบโต้เกาหลีเหนือด้วยการคว่ำบาตรอย่างแข็งกร้าว โดยกล่าวหาว่าเกาหลีเหนือกำลังทำสงครามไซเบอร์โดยการโจมตีโซนี่

 วุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคน ว่าที่ประธานคณะกรรมาธิการกิจการทหาร วุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า นี่เป็นมากกว่าการทำลายทรัพย์สิน เป็นรูปแบบใหม่ของสงครามที่เรามีส่วนเกี่ยวข้องและจำเป็นจะต้องตอบโต้อย่างแข็งกร้าว รวมถึงการลงโทษ

 ทว่าในวันเดียวกัน เกาหลีเหนือได้ออกมาขู่เตือนว่าจะตอบโต้สหรัฐ หากเกาหลีเหนือถูกคว่ำบาตร โดยแถลงการณ์ของคณะกรรมาธิการป้องกันแห่งชาติของเกาหลีเหนือระบุว่ ากองทัพและประชาชนชาวเกาหลีเหนือพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสหรัฐในการทำสงครามทุกรูปแบบ รวมถึงสงครามไซเบอร์ และว่า รัฐบาลโอบามามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับภาพยนตร์เรื่อง "ดิ อินเทอร์วิว" ที่เป็นชนวนเหตุของกรณีการแฮกระบบของโซนี่เมื่อเร็วๆนี้