“ในหลวง”ทรงปลื้มพระทัยหลังทีมชาติไทยคว้าแชมป์ศึก“ซูซูกิคัพ"
 


“ในหลวง”ทรงปลื้มพระทัยหลังทีมชาติไทยคว้าแชมป์ศึก“ซูซูกิคัพ"


“ในหลวง”ทรงปลื้มพระทัยหลังทีมชาติไทยคว้าแชมป์ศึก“ซูซูกิคัพ
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่อาคารศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช พ.อ.(พิเศษ) วรวุฒิ ทองศรีงาม เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วยนายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชาติไทย, “โค้ชซิโก้” ร.ต.ท.เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย และนักฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดคว้าแชมป์ศึกฟุตบอล “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014” สมัยที่ 4 ในรอบ 12 ปี ได้สำเร็จ ได้นำถ้วยแชมป์เข้าร่วมถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ หลังจากเพิ่งเดินทางกลับจากการลงแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 กับทีมมาเลเซีย เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมาพร้อมทั้งได้มีการแห่ฉลองในกรุงเทพฯ อย่างยิ่งใหญ่

ทันทีที่คณะนักฟุตบอลทีมชาติไทย ได้เดินทางมาถึงยังโรงพยาบาลศิริราช มีแฟนบอลจำนวนมากหลายร้อยคนแห่เข้าไปพยายามใกล้ชิดกับนักฟุตบอลและคณะผู้ฝึกสอน รวมถึงเข้าไปขอถ่ายรูปอย่างแน่นขนัดจนเกิดความโกหาหลพอสมควร ก่อนที่คณะนักฟุตบอลไทย จะฝ่าวงล้อมแฟนบอลเข้าไปสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชนก บริเวณด้านหน้าอาคารศิริราช 100 ปี ก่อนนำถ้วยแชมป์ เข้าไปร่วมถวายพระพร ท่ามกลางแฟนบอลจำนวนมากที่ยังคงตามขอถ่ายรูป และกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากที่มีรอทำข่าวเช่นกัน

“ในหลวง” ทรงทอดพระเนตร

ศ.นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ตามที่ทุกคนทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรับสั่งให้รองราชเลขาธิการโทรศัพท์ไปพระราชทานกำลังใจให้นักฟุตบอลไทย ระหว่างพักครึ่งนั้น ตนขอยืนยันว่าเป็นเป็นเรื่องจริง และขอเรียนว่าตั้งแต่รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก พระองค์ทรงทอดพระเนตรการแข่งขันซึ่งตอนนั้นทอดพระเนตรช่วงครึ่งหลัง ขณะที่ รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่ไปแข่งที่มาเลเซีย ทางแพทย์ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมว่าวันนี้จะมีการแข่งขัน ทำให้พระองค์ตั้งพระราชหฤทัย มุ่งมั่นรอทอดพระเนตรการแข่งขันมาก

นักเตะมีกำลังใจฮึดยิงมาเลย์ได้

ตอนบ่ายพระองค์ทรงบรรทมไปช่วงหนึ่ง แต่ตื่นบรรทมขึ้นมาตอน 19.00 น. และรับสั่งให้พยาบาลที่ถวายงานให้เปิดโทรทัศน์ และก็ทอดพระเนตรมาตลอดจนกระทั่งพักครึ่งที่ทีมชาติไทย โดนนำ 0-2 พระองค์รับสั่งให้ไปตามรองราชเลขาธิการ ซึ่งพักอยู่ที่ตึกเฉลิมพระเกียรติมา พร้อมรับสั่งให้โทรศัพท์ไปถึงผู้จัดการทีมชาติไทยทันที และรับสั่งว่า “เราดูอยู่และขอส่งกำลังใจไปให้” ตรงนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความห่วงใยของพระองค์ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าพระองค์ทอดพระเนตร และพระราชทานความห่วงใยจริงๆ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ทำให้ครึ่งหลังแม้ทีมไทยถูกนำ 0-3 ทำให้นักฟุตบอลไทย มีความมุ่งมั่นจนยิงตามมาเป็น 2-3 จนเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยมีความสุขอย่างมากในช่วงปีใหม่นี้

ทรงแย้มสรวลปลื้มพระทัยที่ได้แชมป์

ศ.นพ.อุดม กล่าวอีกว่า ภายหลังจากทีมชาติไทย คว้าแชมป์ได้สำเร็จ พระองค์ทรงแย้มพระสรวลและปลื้มพระทัยมากที่ทำได้ ซึ่งหลังจบการแข่งขันที่นักฟุตบอลไทยถวายถ้วยรางวัลชนะเลิศต่อพระบรมฉายาลักษณ์ และร้องเพลงสดุดีมหาราชานั้น นับเป็นความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก และตนกำลังตัดคลิปวิดิโอนี้นำถวายเพื่อจะฉายให้พระองค์ท่าทอดพระเนตร คิดว่าพระองค์ท่านจะปลาบปลื้มพระทัยมาก

ส่วนกรณีที่ นายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ ได้แจ้งว่าอยากจะนำถ้วยแชมป์จริงนำทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ซึ่งวันนี้ก็ได้นำถ้วยแชมป์มาด้วย แต่ไม่ได้ถวายวันนี้ ซึ่งตนได้บอกว่าขอให้ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทำเรื่องกราบบังคมทูลผ่านทางราชเลขาธิการ เพื่อจะขอพระราชทานเข้าเฝ้าถวายถ้วยจริงต่อพระองค์ ซึ่งคิดว่าพระองค์คงปลาบปลื้มพระทัยมากเช่นกัน

ช่อง 7 อัดฉีด 1 ล.-ยอดทะลุ 34 ล.

ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ “ทัพช้างศึก” ได้เดินทางไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นครึ่งแรก ที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “สนามข่าวช่อง 7 สี” รวมถึงยังมี “เอมี่” มรกต กิตติสาระ ดารานักแสดงสาวของช่อง 7 มาร่วมถ่ายรูปกับนักฟุตบอลไทยด้วย เช่นเดียวกับแฟนบอลจำนวนมากที่มาคอยให้กำลังใจตั้งแต่เช้ามืด ขณะที่ นายสมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และรักษาการผู้จัดการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ยังได้มอบเริงรางวัลให้กับนักเตะทีมชาติไทยอีก 1 ล้านบาท ทำให้ตอนนี้นักเตะไทยรับเงินอัดฉีดรวมทั้งสิ้น 34 ล้านบาท โดยช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้คณะนักเตะไทย ได้ไปอัดรายการ “เจาะข่าวเด่น” ทางช่อง 3 ของ นายสรยุทธ สุทัศนจินดา อีกด้วย

“ซิโก้” รับรางวัลโค้ชดีเด่นของ กกท.

ขณะเดียวกัน ในงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2557 ที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก กกท. เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.นั้น ร.ต.ท.เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังได้รับรางวัลผู้ฝึกสอนสมัครเล่นกีฬาดีเด่น ส่วนทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ได้รับรางวัลทีมกีฬาดีเด่นด้วยเช่นกัน

นายกฯ เตรียมเลี้ยงฉลองชัยให้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการจัดเลี้ยงรับรองแสดงความยินดีให้แก่นักฟุตบอลทีมชาติไทยในโอกาสคว้าแชมป์ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ว่า “เดี่ยวรอกลับมาก่อนนะ” แล้วเดินเข้าห้องพักรับรองทันที

“บิ๊กป้อม” ขอบคุณเติมสุขให้คนไทย

“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขอขอบคุณนักฟุตบอลทีมชาติไทย สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ และผู้ฝึกสอนทุกคน ที่เติมความสุขให้คนไทยทั้งประเทศ จากที่เราคาดหวังว่าจะได้แชมป์ ก็คว้ามาได้สำเร็จ ทำให้คนไทยทั้งเทศมีความสุข โดยจะเห็นได้จากแฟนบอลที่เฝ้ารอรับนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ทุกคน

สธ.ดึงพ่อสุริยา-ซิโก้ชวนเลิกบุหรี่

นพ.วิชัย อัศวภาคย์ ผอ.รพ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายบุญสม แก้วเจริญ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการผู้รับผิดชอบงานบุหรี่ สุรา ยาเสพติด และคณะ ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 66/1 บ้านศรีประเสริฐ ต.วังชัย อ.น้ำพอง เพื่อเป็นกำลังใจให้ นายสุริยา เสนาเมือง บิดาของ “ซิโก้” ที่มีจิตใจแน่วแน่ในการเลิกสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด หลังลูกชายพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ พร้อมกล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธราณสุขได้ประสานมาทางโรงพยาบาลน้ำพอง เพื่อประสาน 2 พ่อลูก คือ นายสุริยา กับ ซิโก้ เป็นไอดอล (ต้นแบบ) ให้กับคนสองวัย โดยจัดทำสื่อในการจูงใจผู้สูบบุหรี่ให้ดูเป็นตัวอย่าง และชักชวนให้เลิกสูบบุหรี่ พร้อมกันนี้ทางโรงพยาบาลไดัจัดพยาบาลมาตรวจร่างกายและวัดความดัน พ่อสุริยา กับ แม่ริสม เสนาเมือง ปรากฏว่าแข็งแรงทั้งคู่

ด้านนายสุริยา กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ใจ ถ้าจิตใจเรามั่นคง มุ่งมั่นจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็จะต้องทำให้สำเร็จ ตนจึงเอาเหตุเหตุการณ์นี้มาเป็นแรงจูงใจ หลังจากเลิกบุหรี่แล้วรู้สึกโล่ง สบายๆ เหมือนเพลง เบิร์ด-ธงชัย ตนขอฝากให้กับผู้ที่สูบบุหรี่ และยังเลิกไม่ได้ ขอให้เลิกเถอะ เดี๋ยวจะเจอมัจจุราชที่มองไม่เห็นตัว

“บิ๊กอ๊อด” ชี้แชมป์มาถูกที่ถูกเวลา

“บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับชัยชนะของนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 พร้อมกล่าวว่า ถือเป็นชัยชนะที่สร้างความสุขความภาคภูมิใจให้กับประชาชนคนไทยทั้งชาติ ที่ได้รอคอยชัยชนะนี้มาถึง 12 ปี นับเป็นชัยชนะที่ถูกที่ถูกเวลาและคุ้มค่าแก่การรอคอยอย่างแท้จริง และการแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีและแสดงความสามัคคีร่วมพลังเชียร์ของปวงชนชาวไทยที่แสดงออกในครั้งนี้นั้นเป็นจุดหมายที่ยืนยันชัดเจนว่ากีฬาฟุตบอลของไทย เป็นสมบัติที่คนไทยทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของ และการที่เราจะดำรงความรู้สึกร่วมนี้ได้ยาวนานตลอดไปนั้น สมาคมฟุตบอลฯ จะต้องสร้างผลงานอันทรงคุณค่าแห่งความภาคภูมิใจในระดับนี้อย่างต่อเนื่อง

แนะ “ส.บอล” เพิ่มเงินให้ “ซิโก้”

พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า บุคคลสำคัญในการสร้างผลงานอันโดดเด่นนอกจากนักฟุตบอลแล้วก็คือผู้ฝึกสอนและผู้จัดการทีม ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่า “ซิโก้ ” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอน เป็นผู้ฝึกสอนที่ทรงคุณค่ายิ่งในกีฬาฟุตบอลของไทยคนหนึ่งในปัจจุบัน เหนือกว่าผู้ฝึกสอนจากต่างประเทศที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปโดยไม่ได้สร้างคุณค่าที่ควรทรงจำฝากไว้กับวงการฟุตบอลไทยให้สมกับค่าจ้างแสนแพงที่เราต้องจ้างเขามา ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรจะต้องเพิ่มค่าตอบแทนให้กับ “โค้ชซิโก้” ให้คุ้มค่ากับแรงกาย แรงใจและสติปัญญา ความคิดที่เขาได้ทุ่มเทให้กับการพัฒนาทีมฟุตบอลไทย จนเป็นผลสำเร็จที่งดงาม เป็นที่ชื่นชมยินดีของคนไทยทั้งชาติ เกียรติศักดิ์และนักกีฬาฟุตบอลทีมนี้จะต้องอยู่กับวงการฟุตบอลไทยไปอีกนาน ตนจึงคิดว่าทั้งสมาคมฟุตบอลฯ และทั้งรัฐบาล ควรจะเพิ่มงบประมาณและเพิ่มค่าตอบแทนให้กับผู้ฝึกสอนไทย ไม่น้อยกว่าที่สมาคมฟุตบอลฯ จ้างผู้ฝึกสอนจากต่างประเทศ หรืออาจจะมากกว่าก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องรีบดำเนินการเพราะ เกียรติศักดิ์ และน้องๆ นักฟุตบอลทีมนี้คิดไปถึงโอกาสที่ทีมชาติไทยจะไปถึงรอบ 32 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลในโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่รีโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล กันแล้วนั่นเอง

" บังยี " โว " ช้างศึก " มีลุ้นทะลุโอลิมปิกเกมส์รอบสุดท้าย

“บังยี”วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯที่ไม่ได้ร่วมชมเกมนัดชิงชนะเลิศนัด 2 เนื่องจากติดภารกิจกับฟีฟ่า ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกที่ประเทศโมร็อคโกได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 22ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้เปิดเผยถึงความสำเร็จของทีมชาติไทยว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นทีมเบอร์1 ของอาเซียนอย่างแท้จริงโดยตอนนี้อันดับโลกของเราขึ้นมาอยู่ที่142 ของโลกแต่แม้จะเป็นอันดับ 4ของอาเซียนแต่ถือว่าทุกชาติก็ให้การยอมรับว่าเราเป็นทีมที่ดีที่สุดจริงๆซึ่งแน่นอนว่าทีมชุดนี้เป็นทีมแห่งอนาคตดังนั้นเป้าหมาย โอลิมปิกเกมส์รอบสุดท้าย ที่ประเทศบราซิลปี 2016 และฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่ม ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

“บังยี”กล่าวต่อว่า ในส่วนของสัญญาของ“ซิโก้” ไม่มีปัญหาใดๆเราได้พูดคุยเบื้องต้นกับเขาแล้วแต่คงมีการพูดคุยถึงแนวทางและแผนการทำทีมในชุดต่างๆอีกครั้ง ก่อนจะมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการนอกจากนี้เป้าหมายในปี 2015ที่จะมีทั้งศึกชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 43,ซีเกมส์ ครั้งที่ 28ที่ประเทศสิงคโปร์,โอลิมปิค รอบคัดเลือกและฟุตบอลโลก 2018โซนเอเชีย รอบคัดเลือกโดยต้องการให้ทีมชาติไทยรักษาถ้วยแชมป์คิงส์คัพไว้ให้อยู่ในประเทศไทยต่อไปให้ได้ส่วนซีเกมส์ก็ต้องรักษาแชมป์ให้ได้เช่นกัน

“ในส่วนของโอลิมปิกเกมส์ กับ ฟุตบอลโลกนั้นมีความตั้งใจและวางแผนในเรื่องของเงินอัดฉีดไว้เรียบร้อยแล้วหากว่าผ่านเข้าไปสู่รอบสุดท้ายของโอลิมปิกเกมส์ได้จะให้เงินอัดฉีด 100ล้านบาท รวมทั้งถ้าหากทะลุเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก2018 รอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซียได้ก็จะมีเงินอัดฉีดให้กับทีมชาติไทยสูงถึง300 ล้านบาทอีกด้วย”นายวรวีร์ กล่าว



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.