จำลอง ดอกปิก : รอดูฝีมือ"บิ๊กตู่"
 


จำลอง ดอกปิก : รอดูฝีมือ"บิ๊กตู่"


 จำลอง ดอกปิก : รอดูฝีมือ

คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12




รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นับต่อแต่นี้ โครงสร้างการปกครองประเทศ คล้ายรูปแบบบ้านเมืองยุคเป็นปกติมากขึ้น มีฝ่ายบริหาร มีฝ่ายนิติบัญญัติ

เพียงแต่เป็นรัฐบาลจากการแต่งตั้ง และสภามาจากแต่งตั้ง ของผู้กำกับคนเดียวกัน

งานในฝ่ายนิติบัญญัติ นอกจากมีสภา สนช.แล้ว เดือนตุลาคมนี้ จะมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ 250 คน มีกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญตามลำดับ

ดูผิวเผินคล้ายกับสำคัญต่อประเทศยิ่งกว่า

เนื่องจาก จะมีการปฏิรูปด้านต่างๆ วางรากฐาน ออกแบบกติกาการปกครองประเทศใหม่ทั้งหมด แต่แท้ที่จริงแล้ว งาน 2 เสานี้ มองข้ามละเลยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้

มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง เหมือนคนละเรื่องเดียวกัน

ต่อไปงานบริหารราชการ จะเป็นเหมือนใบอนุญาต เบิกทางฝ่ายนิติบัญญัติ ให้ทำอะไรต่อมิอะไร แม้แต่กฎหมายแม่บทปกครองประเทศฉบับเข้มข้นตามแนวทางที่วางไว้ได้ง่ายขึ้น

หากงานบริหารประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ประชาชนพึงพอใจฝีมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา การได้รับการยอมรับนี้ย่อมมีมูลค่าสูงในทางการเมือง เท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุน "บิ๊กตู่" ให้สูงขึ้น

เมื่อต้นทุนสูง ความชอบธรรมก็มีมากขึ้น

ในทางตรงกันข้าม หากบริหารไม่ได้เรื่องเสียแล้ว จะมีอะไรเป็นหลักประกัน สภาพย่อมไม่ต่างจากบุคคลล้มละลาย ถือธงนำปฏิรูป

ไม่มีทางทำได้โดยง่ายและราบรื่น

การบริหารประเทศแม้เพียงปีเศษจึงเป็นเดิมพันใหญ่ จะเสียของทั้งหมดหรือไม่ บางทีอาจขึ้นอยู่กับตรงนี้

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มาจากการรัฐประหาร สภาต่างๆ มาจากการแต่งตั้ง การมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน ฝ่ายบริหาร-ฝ่ายนิติบัญญัติคือเสียงเดียวกัน มีเครื่องไม้เครื่องมือการบริหารจัดการพรั่งพร้อม เป็นจุดแข็งของระบบนี้

รัฐบาลทหาร ไม่ต้องหวาดหวั่น การชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านตามท้องถนน ปิดทำเนียบ ปิดสภา ไปจนถึงชัตดาวน์ประเทศกดดัน

ไม่ต้องเสียเวลา ตอบคำถามฝ่ายค้าน ชี้แจงองค์กรอิสระ ต่อสู้คดีความ แก้ต่างการผลักดันออกกฎหมายมาเป็นเครื่องมือทำงาน

ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเรื่องที่บิ๊กตู่ออกมาปรามให้หยุด โดยเปิดเผยว่า รู้ตัวคนแอบอ้าง ขายที่นั่งสนช. หรือคนเร่ขายอ้างมีโควต้าใบอนุญาตโรงไฟฟ้า

เรื่องแบบนี้ หากเป็นก่อนหน้านี้ มีหรือฝ่ายค้านจะปล่อยผ่านฟรีๆ รู้แล้วไม่จัดการ อย่างน้อยๆ ก็แจ้งความเอาผิด ฐานละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157-ไล่ฟ้องร้อง หรือตั้งคำถามเหตุไม่จัดการ หรือว่าคุยกันลงตัวแล้ว อย่างนี้เป็นต้น

แต่สมัยนี้ไม่มีใครรุกไล่ ตรวจสอบ

จะคิดนโยบาย จัดสรรงบประมาณแปรเป็นภาคปฏิบัติ ก็ไม่มีใครหยิบไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีใครรับลูก

รัฐบาลจะทำอะไรก็ได้ ไม่มีใคร หรือขบวนการใดคอยขัดขวาง

การบริหารราชการแผ่นดินภายใต้บรรยากาศการเมือง ที่ไม่มีปัจจัย ตัวแปรอะไรมาเป็นตัวถ่วงแบบนี้

แน่นอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมขึ้นอยู่กับฝีมือล้วนๆ

1 ปีจากนี้ไป ความสำเร็จ-ความล้มเหลว เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ต้องรับไว้แต่เพียงผู้เดียว


ในเมื่อทุกอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อยู่ในมือ ในอำนาจกำกับบริหารทั้งสิ้น

 

 

จะอ้างโน่นอ้างนี่ รำไม่ดีโทษปี่โทากลองไม่ได้

 

................

 

(ที่มา:มติชนรายวัน 13 กันยายน 2557)



 



// //

Copyright (c) 2010 munjeed.com All rights reserved.