หลายคนคงจะคุ้นชินภาพของ “ดีเจอ๋อง-เขมรัชต์ สุนทรนนท์” ในบทบาทการเป็นดีเจที่ 94 อีเอฟเอ็ม หรือการเป็นพิธีกร แต่ใครจะรู้ว่าอีกหนึ่งความสามารถที่อ๋องทำได้ดีคือการเป็นนักร้อง ที่เป็นจุดเริ่มต้นจริง ๆ ในวงการบันเทิง ครั้งนี้อ๋องมีโอกาสร่วมโปรเจคท์อัลบั้ม “ฟร้อนเทจ ฟรีฟอร์ม” ของค่ายฟร้อนเทจ มิวสิค ที่นำเพลงเก่าฮิต ๆ มาคัพเวอร์ใหม่ให้เก๋ขึ้น “ฮันนี่บี” เลยนัดแนะหนุ่มอ๋องมาพูดคุยถึงโปรเจคท์นี้และอัพเดทชีวิต ทั้งเรื่องงานและความรักแฮปปี้มากน้อยแค่ไหน ติดตามกันเลยค่า เล่าถึงที่มาของโปรเจคท์นี้ให้ฟังหน่อย?ถ้าเป็นอัลบั้มตัวเองคือ “มะลิ” ห่างไป 7-8 ปี แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ได้ร่วมงานกับฟร้อนท์เทจ มิวสิค ครั้งนึงกับเพลง “เก็บ” เมื่อปีที่แล้ว คราวนี้กลับมากับอัลบั้ม “ฟร้อนเทจ ฟรีฟอร์ม” เอาเพลงแกรมมี่มาคัฟเวอร์ใหม่ เป็นแบบฉบับของศิลปินแต่ละคน 10 ศิลปิน 10 เพลง กับ 10 แขกรับเชิญครับ”ทำไมเป็นเราในการร่วมโปรเจคท์?“ต้องย้อนไปซิงเกิ้ลที่แล้วที่เราเป็นคนชอบร้องเพลง ก็ไปขอพี่ ๆ เขา พอมีโอกาสถ้าไม่ได้ทำคงเสียดาย เพราะโอกาสไม่เคยเห็นเราเลย เลยไปขอพี่ ๆ ถ้ามีโปรเจคท์ผมขอร้องนะ โจทย์คือเลือกหนึ่งเพลงของแกรมมี่แล้วเลือกแขกรับเชิญมาด้วย อ๋องเลือกเพลง “เลือกได้ไหม” ของวงซาซ่า เพราะชอบเพลงนี้มาก ถ้าเราถ่ายทอดเองจะไม่ให้ออกมาแบบนั้น เพลงนี้ประชดประชันจะตาย ต้องมีจุดจี๊ดซิ แต่เข้าใจซาซ่าลุคสาวหวานไง แต่ถ้าเป็นเรา เราจะถ่ายทอดประชดประชันไปเลย เพลงเลยถูกตีความใหม่ในแบบของเรา พอไปชวน “แก้ม เดอะสตาร์” มาร้องด้วยกัน แก้มก็จะมาช่วยเสริมความจี๊ด จิก ไล่ ผู้ชายไป (หัวเราะ)ครับ”ทำไมถึงต้องเป็นแก้มที่มาแจม?“อ๋องอยากได้ผู้หญิงมาร้อง คนเดียวที่คิดถึงคือแก้ม น้องมีความสามารถหลากหลาย แต่น้องจะถูกให้ร้องเพลงช้าตลอด เราอยากได้ผู้หญิงที่มาร้องแล้วมีพลัง ตอนแรกที่จะชวนก็ไลน์ไปหา “แก้ม คือพี่จะทำเพลงใช่ป่ะ ต้องมีคนมาฟีทเจอริ่งไง ไม่รู้แก้มโอเคมั้ยอ่ะ” แล้วส่งสติกเกอร์เอลซ่าไปสปอยล์นาง นางก็ส่งกลับมาว่าได้เลย โดยไม่ถามอะไร เราก็เริ่มคุยถึงการทำงานกัน อยากได้แก้มในลุคผู้หญิงผิวสี อาร์แอนด์บี เอะอะยักคอตลอดเวลา ตอนถ่ายเอ็มวีก็สนุกมาก เส้นเรื่องเล่าถึงเราที่คบกับผู้ชายคนนึง วันนึงผู้ชายบอกเลิกเราเพื่อจะไปคบกับผู้ชายคนใหม่ แล้วมาถามเราว่าจะเป็นอะไรมั้ย เราก็รู้สึกว่าพล็อตมันน่าตบอ่ะ (หัวเราะ) ถ้าเพิ่มเรื่องการข้ามเพศเกิดขึ้น ผู้กำกับก็ตบเข่าบอกเราว่าดีพี่ชอบพล็อตนี้เลยได้ทำครับ”ไม่กลัวคนวิจารณ์เป็นกระแสเหรอถ้าว่าด้วยเรื่องเพศเดียวกัน?“อ๋องว่าโลกมีเปิดแล้ว การนำเสนอได้กว้างขวางขึ้น น่าเสียดายถ้าต้องไปปิดบังทั้งที่เป็นเรื่องจริงครับ ถามว่าคิดหวังมั้ยทุกครั้งที่ทำอะไรก็คาดหวัง แต่ลึก ๆ ได้ร้องเพลงก็แฮปปี้แล้ว กระแสตอบรับจะเป็นยังไงก็ทำใจประมาณนึง ถ้าไม่ดังหรือคนไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมาก็เป็นแบบนั้นมาตลอด (ยิ้ม) เราเลยรู้สึกว่าอยากให้คนรู้ว่าเราทำอะไรได้หลากหลายนอกจากเป็นดีเจ พิธีกร เพลงเราทำมาไม่มีใครเปิดในวิทยุ เราก็จะเอาไปเปิดเองตอนที่จัดรายการเก๋ ๆ (ยิ้ม) เลยไม่คาดหวังจนเกินไป แต่อยากให้คนชอบ”จุดเริ่มต้นของอ๋อง จริง ๆ มาจากนักร้อง?“ใช่ครับ ตั้งแต่เด็ก ๆ มาฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนเป็น “วงมะลิ” ประกวดฮอตเวฟมิวสิค อวอร์ด เข้ารอบแค่ 30 ทีมก็ตกรอบ มันไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบเลย สุดท้ายมีคนเห็นแวว ชวนมาออดิชั่นที่แกรมมี่มาเป็นวงมะลิ ที่มีเพลงฮิตมาก คือเพลง “ชิน” และเพลง “แฟนคนอื่น” จำได้มั้ย (หัวเราะ) ถึงอยากบอกเด็กสมัยนี้โอกาสมีเยอะมาก ฉะนั้นอย่าทิ้งฝัน ขนาดเราไม่ประสบความสำเร็จในการทำเพลงเป็นวง ถึงจุดหนึ่งทุกคนแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง เหลือเราคนเดียวที่ยังไม่ทิ้งการร้องเพลงและยังโลดแล่นในวงการบันเทิง”ตอนนี้ชีวิตในการทำงานของอ๋องโอเคมั้ย?“ดีมากครับ หลัก ๆ คือเป็นดีเจ พิธีกร และการเป็นศิลปิน แล้วมีละคร “เล่ห์รักกลลวง” ครั้งแรกในชีวิตเป็นละครของพี่ไก่-วรายุฑ ที่ทำให้ช่องวัน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยากทำเพราะอ๋องเรียนจบปริญญาตรีและโทการละคร แต่ไม่เคยเล่นละคร บทบาทเป็นเพื่อนตัวร้าย ยุยงส่งเสริมเพื่อให้ทำอะไรร้าย ๆ ใส่พระเอก นางเอกลองติดตามดูนะ แล้วก็เปิดบริษัทรับทำรายการโทรทัศน์กับดีเจดาด้าครับ”ใช้ชีวิต มองยังไง ถึงจะอยู่ในแวดวงนี้ได้นาน ๆ?“อยู่วงการมา 10 ปีแล้วไม่เคยคิดว่าชีวิตจะมาอยู่ในวงการนานขนาดนี้ พอเวลาผ่านไปมองย้อนกลับเป็น 10 ปีที่มีความสุขมากเลย ได้ทำอะไรหลายอย่างในแบบที่คนอื่นเขาไม่มีโอกาส เราได้เรียนรู้เยอะมาก จากนักร้อง มาเป็นพิธีกรไฟฟ์ไลฟ์ เป็นดีเจ ทำให้อ๋องรู้ว่าการเป็นตัวของตัวเองสำคัญที่สุด ไม่อึดอัดเลย ซื่อสัตย์กับตัวเองคนดูรับได้แน่นอนในทุก ๆ เรื่องที่เราเป็น ถามว่าได้อะไรจากวงการการทำงานหลากหลายได้เรียนรู้งานและคน ทั้งคนโอเคให้โอกาสเรา หรือคนที่ดับโอกาสเรา จนมองเห็นวัฏจักรชีวิตเลย เกิดและดับ และตายไป คนทั่วไปจะมองว่าเข้าวงการมาแล้วจบ ไม่ใช่เลย เราอยู่ในจุดที่โอเค ไม่ต้องดังกว่านี้ จนเดินห้างไม่ได้ ขอแค่มีเงินเลี้ยงดูตัวเองครอบครัว มีงาน ไม่ขวนขวายความดัง แค่ได้เลี้ยงตัวเองให้ตัวเองมีความสุขก็พอแล้ว จากเป็นนักร้องวงมะลิแมน ๆ แต่มันคือการนำเสนอ ไม่มีวี้ดว้ายถ้าทำอะไรจริงจัง คนก็เห็นผมแค่ด้านเดียว แต่พอเป็นดีเจมาเห็นมุมร่าเริงคนก็รับได้และเข้าใจที่เราเป็นแบบนี้ก็แฮปปี้” เคยเผลอลืมตัวมั้ยพอมีคนรู้จักมากขึ้น?“เคยซิ ตอนเป็นดีเจแรก ๆ ไม่คุยกับเพื่อนเลยนะ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ฉันยุ่ง ฉันไม่ว่างไปเจอ ทุกคนต้องง้อฉันซิ โชคดีมีเพื่อนสนิทโทรฯ มานัดคุย เปิดใจคุยเราเป็นอะไร ด่าทุกพฤติกรรมที่อ๋องทำในตอนนั้น เพราะการถูกสปอยล์จากงานหิวน้ำก็มีทีมงานหาให้สุดท้ายเผลอและชิน คาดหวังว่าทุกคนต้องทำแบบนั้นกับเราเสมอโดยที่เราไม่รู้ตัว จนมานั่งคิดไม่โกรธเพื่อนเลย ต้องขอบคุณเขามากที่เตือนสติเราว่าเรามาจากไหน”ช่วงที่เปิดเผยตัวเองจากเป็นนักร้องวงมะลิแมน ๆ มาเป็นดีเจอ๋องในแบบนี้เป็นอุปสรรคมั้ย?“ไม่เลยครับ เพราะเราไม่ปิดบังตัวตน แต่ความเป็นตัวเองค่อยๆ มา คนก็ค่อย ๆ ซึมซับ มันไม่แปลกแล้วการเป็นแบบนี้ แต่คนเปิดใจเยอะขึ้น เราเองมีหลากหลายคาแรกเตอร์จะดึงด้านไหนมาใช้ ตราบใดที่จริงใจซื่อสัตย์ในสิ่งที่ตัวเองเป็นก็สบายตัวดี แต่ก่อนโดนว่าในพันทิปเยอะจากแมน ๆ มาวี้ดว้าย โดนขุดคุ้ยชีวิตมาเหมือนมหากาพย์สงครามกรุงทรอย(หัวเราะ) แต่ทุกคนเข้าใจเป็นแบบนี้แล้วทำไม ทำงานให้เราได้ชมก็จบป่ะ เราเลยดีใจที่กระแสเป็นแบบนี้ ครอบครัวก็เข้าใจเป็นอะไรที่วิเศษมาก แม่อ๋องจะตีกระบังผมมานั่งดูอ๋องทำงานตลอด แฮปปี้ที่เรามีพ่อแม่ พี่ชาย มีพี่สาว ที่เรารักกันมากครับ”ความรักในแบบของอ๋องล่ะ?“ดีครับ คบกันมา 8 ปีแล้ว เขาโตกว่าอ๋อง เป็นเพื่อนของเพื่อน คบกันด้วยความเข้าใจยอมรับตัวตนเราตั้งแต่ต้น คนจะมองว่านิยามรักของเพศที่สามหรือ เกย์ ตุ๊ด ทอม ดี้ อะไรก็ตามต้องยาก ในความคิดเราเพราะคนมองว่ายากมันเลยไม่สำเร็จไง เมื่อไม่คาดหวังทุกอย่างจะง่ายขึ้นเอง วันใดที่ความรักมาถึงจุดที่พอดีมันก็โอเคสามารถเป็นส่วนเติมเต็มชีวิตที่ดีได้ แต่เราในฐานะเป็นคนในวงการมักถูกจับตามองเราเลยไม่เปิดความรักมากมาย ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นกระแสชั่วโมงอวดแฟนตลอดเวลา เราพอดี ๆ ดีกว่า”สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟน ๆ หน่อย?“ฝากถึงแฟน ๆ ที่ติดตามผลงานเรามาตลอดตั้งแต่ร้องเพลง ดีเจ พิธีกร ขอบคุณสำหรับการทักทายข้างนอก ความรัก เอ็นดูที่มีให้อ๋องที่ตัวตนเราเป็นแบบนี้ อยากฝากผลงานเพลง “เลือกได้ไหม” ที่ฟีทเจอริ่ง แก้ม เดอะสตาร์ไว้ด้วย ก็สัญญาจะตั้งใจทำงาน ดูแลตัวเองให้อยู่ในวงการไปนาน ๆ แบบมีคุณภาพในการทำงานตลอดไปครับ”. ได้คุยกับหนุ่มอ๋องแล้วได้เห็นมุมมองต่าง ๆ ในชีวิตมากมายจริง ๆ ยังไงแฟน ๆ ก็ติดตามสนับสนุนผลงานหนุ่มอ๋องไปนาน ๆ นะคะ.“ฮันนี่บี”