ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ว่า เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าเกือบตลอดสัปดาห์ โดยเงินบาทเผชิญแรงเทขายในช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ จากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ เงินบาทฟื้นตัวช่วงสั้นๆ ในช่วงกลางสัปดาห์ตามการปรับโพสิชั่นของนักลงทุน ก่อนจะกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบใหม่ของธนาคารกลางยุโรป หนุนให้เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น

ในวันศุกร์ (5 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.06 เทียบกับระดับ 31.93 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 ส.ค.) ค่าเงินบาท
 
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (8-12 ก.ย.) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.00-32.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยอาจต้องติดตามแรงหนุนเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งอาจมีความต่อเนื่อง หากข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน ยังคงสะท้อนสัญญาณชะลอตัว (เพราะอาจจำกัดกรอบการปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง) ขณะที่ ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. (เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์หน้า ก็น่าจะเป็นจุดสนใจของนักลงทุนที่ต้องการประเมินจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯในช่วงปีข้างหน้าด้วยเช่นกัน ** อนึ่ง ตลาดการเงินหลายแห่งในเอเชีย จะปิดทำการในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ 

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 15 เดือนจากความหวังเชิงบวกต่อสถานการณ์ในยูเครน และจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,584.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.45% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 4.45% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 47,001.47 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 675.26 จุด เพิ่มขึ้น 5.85% จากสัปดาห์ก่อน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรในช่วงก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)  รวมทั้ง ปัจจัยหนุนจากข่าวที่จะมีการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน อย่างไรก็ดี ดัชนีตลาดหุ้นย่อตัวลงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี จากแรงขายทำกำไร ก่อนที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในวันศุกร์ หลังจาก ECB ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับต่ำสุดในประวัติการณ์

 
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (8-12 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไร โดยอาจมีการปรับตัวผันผวนหลังจากหมดปัจจัยบวกใหม่ๆซึ่งจะช่วยหนุนการปรับขึ้นของตลาด โดยนักลงทุนคงจะรอติดตามการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันที่ 9 กันยายน ขณะที่ติดตามเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สำคัญที่จะมีการรายงาน อาทิ ยอดค้าปลีก และความเชื่อมั่นผู้บริโภค เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า