สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมืองฝั่งตะวันออกของประเทศยูเครน ที่มีปัญหาขัดแย้งระหว่างรัฐบาลยูเครนกับกลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซีย ยังคงมีเสียงปืนดังก้องอยู่ตลอดเวลาในช่วงคืนวันที่ 6 กันยายน แม้ว่าจะเพิ่งมีการลงนามในข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลยูเครนกับกลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียไปเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีรายงานเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งในช่วงกลางดึก และมีกลุ่มควันหนาทึบพวยพุ่งออกมาจากเมืองมาริอูโพล เมืองท่าสำคัญที่ฝั่งรัฐบาลยูเครนครอบครองอยู่
ทั้งนี้ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่เหตุรุนแรงจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง มีรายงานว่า ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ และตกลงกันว่าการหยุดยิง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรดแมปเพื่อสันติภาพเพื่อการสิ้นสุดเหตุรุนแรงที่ยืดเยื้อมานาน 5 เดือนนั้น จะมีขึ้นทั่วบริเวณฝั่งตะวันออกของยูเครน ที่มีการปะทะกันอย่างหนักมาตลอดระหว่างกองทัพยูเครนกับกลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซีย และต้องการให้องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการตรวจสอบสถานการณ์ให้ความร่วมมือในเรื่องของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
โดยข้อตกลงหยุดหยิงที่รัฐบาลยูเครนกับกลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียทำร่วมกันที่กรุงมินสก์ เมืองหลวงเบลารุส ระบุให้ทั้งสองฝ่ายต้องเริ่มการถอนกำลังออกจากจุดสำคัญต่างๆและแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างกัน รวมทั้งให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมืองที่ได้รับความเสียหายทางฝั่งตะวันออกของยูเครน อย่างไรก็ตาม เหตุรุนแรงที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่เพิ่งลงนามร่วมกันไปเพียง 30 ชั่วโมง