ยุติธรรมเชิงมโน
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12
โดย จำลอง ดอกปิก
อัยการสูงสุดตีกลับ สำนวนคดี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว
ในชั้นนี้เห็นว่า มีข้อไม่สมบูรณ์พอเช็กบิล ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ข้อ
1.โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการของรัฐบาล ที่แถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภา ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2550 ควรรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัด นายกฯมีอำนาจยับยั้งนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่
2. ประเด็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ควรไต่สวน รวบรวมพยาน หลักฐาน ให้สิ้นกระแสความ ว่าหลัง ป.ป.ช. ส.ต.ง.ท้วงติง ยิ่งลักษณ์ได้ตรวจสอบและป้องกันการทุจริตหรือไม่ 3.เรื่องทุจริต พบการทุจริตขั้นตอนใดและอย่างไร การกล่าวอ้างข้อมูลวิจัยของทีดีอาร์ไอมาประกอบว่า มีการทุจริตและเสียหายจำนวนมาก แต่ในสำนวนกลับมีแค่หน้าปกรายงานวิจัย ควรรวบรวมให้สมบูรณ์
เจอ 3 ข้อนี้เข้าไป ป.ป.ช.คงสะอึกไม่น้อย
การตีกลับสำนวนเป็นเรื่องปกติ ตามกระบวนการขั้นตอน หาก อสส.มีความเห็นต่าง 2 ฝ่าย ก็มาตั้งคณะกรรมการร่วม
ที่ไม่ปกติคือ สถานการณ์การเมืองโดยรวม ยิ่งลักษณ์-พลพรรคเพื่อไทยเพลี่ยงพล้ำไม่มีที่อยู่ที่ยืน จึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะมีใครยื่นมือช่วย-เตะถ่วงคดี เท่าที่เห็นมีแต่รุกไล่ซ้ำเติม
เรื่อง อสส.ไม่อยากฟ้องเอง เล่นการเมืองหาเพื่อนมาร่วมรับผิดชอบ จึงดูเลื่อนลอย
ข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวนจริงๆ ต่างหากคือตัวปัญหาที่มีน้ำหนัก อสส.มิอาจปล่อยผ่านได้ จึงตัดสินใจเช่นนี้
คดีโกงข้าวตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด ผู้ที่ติดตามข้อมูลใกล้ชิดคงรู้ดีว่ามีเบื้องหน้า-เบื้องหลังหรือไม่ มีการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่
อันที่จริงน่าเชื่อได้ว่า ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มิได้มีส่วนได้เสีย ร่วมขบวนแย่งชิงอำนาจจะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ไม่สนใจด้วยซ้ำว่า ยิ่งลักษณ์จะโดนลงโทษหรือไม่
ใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย ทุกฝ่ายสนับสนุน ต้องลากคอมาลงโทษสถานเดียวให้ได้อยู่แล้ว ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น
ที่สังคมให้ความสนใจคดีนี้เป็นพิเศษก็คือ มาตรฐาน ป.ป.ช.ในการชี้ถูก-ชี้ผิด 3-4 ประเด็น
เรื่องความยุติธรรมเชิงกระบวนการถูกตั้งคำถามมากที่สุดว่าได้ยึดหลัก ทุกคนไม่ว่าใคร อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
การไม่แยกแยะนโยบายเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองนั่นก็อีกปมที่มโนเหมารวมเข้ากับเรื่องกล่าวหาว่าโกงกินต้องสั่งระงับยับยั้งล้มโครงการทั้งหมดแทนที่มีปัญหาตรงไหนก็จัดการคนโกง แก้ให้ถูกจุดตรงนั้น
ยังมีคำถามถึงการตีความคำว่า ขาดทุนจากโครงการอุดหนุนสินค้าเกษตร ที่ได้สรุปเหมาเข่งว่าคือ การทุจริตทั้งหมด ตัวเลขจึงมโหฬารระดับ 4-5 แสนล้าน
เป็นมหกรรมการโกงระดับโลก 4-5 แสนล้าน ที่แม้แต่ อสส.ก็เห็นข้อไม่สมบูรณ์ว่า พบการทุจริตขั้นตอนใดและอย่างไร
หากยึดถือเอาตาม อสส. ถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้กับคดี ที่มีการกล่าวหาว่าโกงกินทุกขั้นตอน แต่การไต่สวนกลับไม่สามารถชี้ให้เห็นได้
การตีกลับสำนวนคดีวันนี้ เป็นการตอกย้ำคำถามของสังคม ข้อกังขาของผู้ถูกกล่าวหาที่มีมาตลอด และต้องการได้รับความกระจ่าง
ตอกย้ำว่า ทุกอย่างยังไม่ปราศจากสิ้นซึ่งข้อสงสัย
ในทางตรงกันข้าม กลับมีแต่ข้อสงสัย-ความไม่สมบูรณ์อยู่มาก ความไม่สมบูรณ์นี้บ่อนเซาะทำลาย ป.ป.ช.
ขณะเดียวกันก็ขยายความเชื่อที่ว่า คดีนี้เป็นคดีการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย ให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น
มติชนรายวัน
ฉบับวันที่ 6 ก.ย. 2557