ดร.กษม ชนะวงศ์ กรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้นำ 2ตัวแทนจากฟีฟ่า นำโดย มร.โดมิก้า และ มร.เดวิด พร้อมด้วย “โกเอี่ยม” นายเอี่ยม ถาวรว่องวงศ์ รองประธานสโมสรภูเก็ต เอฟซี เข้าเยี่ยมชมสนามฟุตบอลลานนกเอี้ยง ภูมิแพลนเน็ต วัดป่าท่านุ่น ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 ส.ค.โดยได้รับการต้อนรับจาก พระสมุห์โกศล ณาณวโร หรือ“หลวงพี่ป็อก” เนื่องจากลานกีฬาที่วัดป่าท่านุ่น นอกจากจะสนับสนุนกิจกรรมฟุตบอลให้กับเยาวชนในพื้นที่แล้ว สามารถปลุกปั้นนักฟุตบอลหญิงถึง 4 คนก้าวขึ้นไปติดทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย อีกทั้งยังมีการเปิดสอนมวยไทยให้กับเด็กที่สนใจในศิลปะประจำชาติไทยอีกด้วย มร.โดมิก้า และ มร.เดวิด ยังได้ชมการเดาะฟุตบอลของ ด.ญ.สุภาภรณ์ เพียรดี ที่อายุเพียง 11 ปี แต่สามารถเดาะได้ถึง 7,200 ครั้งภายใน 70 นาที สร้างความประทับใจให้กับตัวแทนฟีฟ่าทั้ง 2 คนอย่างมากทีเดียว

พร้อมกันนี้ มร.โดมิก้า ได้สนทนากับ “หลวงพี่ป็อก” ถึงเรื่องการช่วยเหลือและพัฒนาศูนย์ฝึกฟุตบอลวัดป่าท่านุ่น โดยชื่นชม “หลวงพี่ป็อก” ว่าเป็นพระที่อุทิศในการช่วยเหลือชุมชมและเยาวชนให้สนใจมาเล่นกีฬา และรับปากว่าจะกลับไปทำรายงานถึงฟีฟ่าเพื่อในอนาคตจะสนับสนุนให้กับวัดป่าท่านุ่นในการเป็นศูนย์กลางจัดโครงการต่าง ๆ ระดับเยาวชนของฟีฟ่า รวมทั้งยินดีให้การช่วยเหลือทุกอย่างกับวัดป่าท่านุ่นอีกด้วยซึ่ง “หลวงพี่ป็อก” เองได้กล่าวขอบคุณตัวแทนของฟีฟ่ามาในที่นี้

จากนั้นเวลา 15.30 น.ทั้งหมดได้เดินทางมาที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลอนุสรณ์สึนามิ จ.ภูเก็ต ก่อนจะมีการประชุมร่วมกัน โดยมีวาระเกี่ยวกับการตรวจศูนย์แห่งนี้ที่ครบกำหนด 5 ปีที่ฟีฟ่าส่งมอบให้ว่าได้ทำกิจกรรมใดบ้าง หลังเสร็จสิ้นการประชุม มร.เดวิด เผยว่า “ผมดีใจมากที่ได้มาเยี่ยมประเทศไทยและได้มาดูโครงการพัฒนาทั้งที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติหนองจอกที่กรุงเทพฯ และศูนย์ฝึกฟุตบอลอนุสรณ์สึนามิ จ.ภูเก็ต ซึ่ง มร.โจเซฟ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่า ได้มาเยื่อนตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 และเราได้กลับมาเยี่ยมอีกครั้งเพื่อรับทราบถึงกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการสอนฟุตบอลที่ทำให้กับสังคม ซึ่งผมมีความพอใจเป็นอย่างยิ่ง และผมจะรายงานไปให้กับฟีฟ่าว่าศูนย์ฝึกฟุตบอลอนุสรณ์สึนามิแห่งนี้ มีอุปกรณ์ที่ครบครันเป็นไปตามที่ให้ไว้กับฟีฟ่า และสมาคมฟุตบอลแห่งปประเทศไทยฯ ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในการคืนประโยชน์แก่สังคมอย่างเหมาะสม อีกทั้งผมขอส่งกำลังใจไปให้กับหลวงพี่ป็อก ในการพัฒนาเยาวชนด้านฟุตบอล หากมีโอกาสฟีฟ่าจะเดินทางมาช่วยเหลือโครงการพัฒนาเช่นนี้ต่อไป”