กรณีช็อกโลกที่กลุ่มไอซิส หรือกลุ่มมุสลิมซุนนีหัวรุนแรงสุดโต่งในอิรักและซีเรีย โพสต์วีดีโอฆ่าตัดหัวนายเจมส์ โฟเลย์ นักข่าวหนุ่มชาวอเมริกัน ส่งผลเกิดความตึงเครียดในสถานการณ์ความสู้รบระหว่างรัฐบาลอิรักและกลุ่มไอซิส ทั้งยังกดดันสหรัฐฯ ที่เข้ามาแทรกแซงและหนุนรัฐบาลอิรักในสถานการณ์นี้
ล่าสุด ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า มีข้อมูลใหม่ก่อนนายโฟเลย์ เสียชีวิต 1 เดือน ซึ่งเปิดเผยโดยสำนักข่าวโกลบอล โพสต์ ที่นายโฟเลย์ทำงานให้ที่สุดท้ายก่อนถูกจับตัวไปในปี 2555 โดยนายฟิลิป บาลโบนิ ประธานและซีอีโอสำนักข่าวโกลลอลโพสต์ ระบุว่า ได้รับอีเมลเรียกค่าไถ่นายโฟเลย์ 100 ล้านยูโร หรือ 132.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เขาไม่ได้ซีเรียสกับอีเมลที่ได้รับ เนื่องจากโดยปกติกลุ่มไอซิสจะเรียกค่าไถ่ตัวประกันน้อยกว่านี้มาก คือราว 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ นายบาลโบนิ ยังเปิดเผยว่า ได้รับอีเมลทั้งหมด 6 ฉบับ ตั้งแต่นายโฟเลย์ถุกจับตัวไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2555 เป็นอีเมลไม่ไม่ยอมเจรจาใดๆ ได้เพียงยืนยันว่า ต้องการเงิน 100 ล้าน (ยูโร) หรือไม่ก็ให้ปล่อยนักโทษมุสลิมที่สหรัฐคุมตัวไว้
โกลบอล โพสต์ รายงานว่า อีเมลฉบับสุดท้ายที่ครอบครัวโฟเลย์ได้รับคือเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2557 มีใจความส่วนหนึ่งว่า
"วันนี้ ดาบเราถูกชักออกจากฝักเพราะคุณ
ไม่ว่ารัฐบาลและพลเมืองก็เช่นเดียวกัน!
เราจะไม่หยุด จนกว่าความกระหายของเราจะถูกดับด้วยเลือดของคุณ
คุณไม่ละเว้นให้ความอ่อนแอ ความแก่เฒ่า สตรี และเด็กๆ เราก็จะไม่ละเว้นให้คุณ!
คุณและพลเมืองของคุณจะต้องชดใช้กับระเบิดที่คุณมาทิ้ง!
พลเมืองคนแรกของอเมริกันที่ต้องสังเวยด้วยเลือดคือเจมส์โฟเลย์!
เขาจะถูกสังหารเพราะผลจากการกระทำของพวกคุณที่ทำกับเราไว้!"
ทั้งนี้ นายบาลโบนิระบุว่า ครอบครัวของเจมส์ได้ส่งอีเมลกลับไปอ้อนวอนต่อผู้ที่ส่งมา แต่ไม่มีอีเมลใดๆ ตอบกลับ
อย่างไรก็ตาม กองทัพสหรัฐฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐกังวลต่อชะตากรรมของนายโฟเลย์ ที่ถูกกลุ่มไอซิสจับตัว โดยหน่วยคอมมานโดของสหรัฐได้เข้าไปพยายามช่วยเหลือเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่เมื่อไปถึงที่นัดหมายซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันร้าง ก็ไม่พบนายโฟเลย์และตัวประกันคนใด โดยไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่านายโฟเลย์และตัวประกันคนอื่นถูกย้ายตัวไปไว้ที่ใด
อย่างไรก็ตาม มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแพร่หลายถึงชายปิดหน้าสีดำในวีดีโอสังหารนายโฟเลย์ที่มีสำเนียงภาษาแบบชาวอังกฤษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอังกฤษเผยว่า ชายคนนี้ชื่อจอห์น อยู่ในกลุ่มแบล็ก บีทเทิลส์ ที่ไปร่วมศึกที่อิรัก
นายริชาร์ด บาร์เร็ต อดีตหัวหน้าสำนักงานข่าวกรองต่อต้านการก่อการร้ายต่างประเทศ ประเมินว่า อาจมีชาวอังกฤษที่เข้าร่วมกับกองกำลังสายสุดโต่งนี้สูงถึง 500 คน และต้องมีญาติและเพื่อนในอังกฤษที่รู้จักเพชฌฆาตรายนี้ จึงขอให้รีบติดต่อแจ้งเบาะแสต่อตำรวจโดยเร็ว
เรียบเรียงโดย ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat
